ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 28-04-2016, 15:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,984 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เพราะเราไม่รู้จักคิดในเรื่องดี ๆ ไปคิดแต่เรื่องไม่ดีทั้งนั้น อย่างที่หลวงปู่หลวงพ่อบางท่านบอกว่า “ไปโกยแต่ขี้มา ของดี ๆ ไม่รู้จักกอบโกยมา” ถ้าตาเห็น...เรารู้ว่านี่คือกล้องถ่ายรูป อย่างแย่ที่สุดให้หยุดแค่นี้ แต่ถ้าไปคิดต่อ “สาวคนนั้นสวยดี เราจะไปขอถ่ายรูปหน่อย” อันนี้ราคะมาแล้ว “ไอ้นั่นกวนตี...หาเรื่องถ่ายคลิปแบล็กเมล์หน่อย” นี่โทสะมาแล้ว ก็จะไปเรื่อย พอเราคิดก็ออกไปทาง รัก โลภ โกรธ หลง ทั้งหมด

ทำอย่างไรที่เราจะใช้สติคือความรู้ตัว หยุดความคิดนั้นให้ทัน การหยุดความคิดต้องหยุดด้วยกำลังของสมาธิ ถ้าไม่มีสมาธิเราจะหยุดไม่ได้ เพราะกำลังไม่พอที่จะต่อต้านกระแสกิเลส แล้วท้ายที่สุดก็ใช้ปัญญา ทำอย่างไรที่จะหลีกเลี่ยงเสียจากสภาพนั้น ๆ ไม่ให้เกิดขึ้นกับเราอีก

ถ้าเรารู้จักคิด รู้จักพิจารณา ก็จะเห็นว่า ทุกครั้งที่ราคะเกิดขึ้นก็คือเราไปคิด ทุกครั้งที่โทสะเกิดขึ้นคือเราไปคิด ราคะกับโลภะเป็นตัวเดียวกัน เพราะว่าจิตยินดีจึงอยากมีอยากได้ ในเมื่อราคะคือความยินดีเกิดขึ้น โลภะคือความอยากมีอยากได้ก็เกิดขึ้น คราวนี้ถ้าหากว่าไม่ยินดีล่ะ ? ไม่ยินดีเขาเรียก อรติ ในเมื่ออรติเกิดขึ้นโทสะก็เกิด โทสะยังพัฒนาไปได้มากกว่านั้นอีก แรก ๆ แค่กระทบก็เป็นปฏิฆะ เหมือนอย่างกับสะเก็ดไฟกระทบเชื้อ กรุ่นเป็นควันขึ้นมาหน่อยหนึ่ง แต่ถ้าไม่สามารถจะดับได้ก็พัฒนาขึ้นเป็นโทสะ ก็คือติดเป็นเปลว ไหม้แล้ว ลุกท่วมฟ้าเลยก็มี"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-04-2016 เมื่อ 17:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 91 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา