ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 07-12-2012, 20:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,619
ได้ให้อนุโมทนา: 151,818
ได้รับอนุโมทนา 4,413,371 ครั้ง ใน 34,209 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กำลังใจของเราแบ่งออกเป็น ๓ ระดับ ๙ ขั้นด้วยกัน ระดับแรก เรียกว่า สามัญบารมี คือกำลังใจขั้นต้น แบ่งเป็นหยาบ กลาง ละเอียด สามัญบารมีอย่างหยาบ ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาไม่เป็นทั้งนั้น เกิดมาทั้งชาติบางทีไม่รู้จักคำทั้งหลายเหล่านี้เลย สามัญบารมีขั้นกลาง ตั้งใจจะให้ทานแล้วบางทีก็ยังซุกคืนไปอีก ก็คือเกิดความตระหนี่ถี่เหนียว ไม่สามารถที่จะตัดใจให้ได้ สามัญบารมีขั้นละเอียด สามารถให้ทานได้ แต่พอบอกเรื่องรักษาศีล เรื่องปฏิบัติภาวนาจะไม่มีกำลังใจคิดที่จะทำเลย

ขั้นที่ ๒ เรียกว่า อุปบารมี คือ กำลังใจขั้นกลาง มีหยาบ มีกลาง มีละเอียดเช่นกัน อุปบารมีขั้นหยาบ ให้ทานได้ พอบอกว่าให้รักษาศีล ให้เจริญภาวนา รู้สึกเหมือนกับแบกช้างทั้งตัว ไม่มีกำลังใจที่จะต่อสู้เพื่อให้ทำสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นได้ อุปบารมีขั้นกลาง สามารถให้ทานได้ รักษาศีลก็ขาดบ้าง พร่องบ้าง ต้องเป็นอุปบารมีขั้นปลาย ถึงจะสามารถให้ทานได้ รักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ แต่บอกว่าให้ภาวนาก็ไม่มีความคิดที่จะกระทำเลย

ต้องมาถึงระดับปรมัตถบารมี คือกำลังใจขั้นสูงสุด ประกอบไปด้วย ๓ ระดับเหมือนกัน ก็คือ ปรมัตถบารมีขั้นหยาบ ให้ทานได้ รักษาศีลได้ แต่พอมาถึงการเจริญภาวนาก็ภาวนาบ้าง นึกด่าชาวบ้านเขาบ้าง ปรมัตถบารมีขั้นกลาง สามารถให้ทานได้ รักษาศีลได้ ภาวนาอารมณ์ใจทรงตัวบ้าง หลุดหายไปบ้าง ต้องปรมัตถบารมีขั้นปลาย ขั้นละเอียดที่สุด ขั้นสูงสุด จึงสามารถให้ทานได้ รักษาศีลได้ เจริญภาวนาได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2012 เมื่อ 11:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 68 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา