พระอาจารย์กล่าวว่า "เดี๋ยวอีกไม่กี่วันท่านต้อมก็คงมาขอสึก พวกคุณไม่ได้เห็นหน้าหรอก ท่านไปเรียนหนังสือนานมาก เรียนอยู่ ๖ ปีไม่ได้อะไรเลย เพราะใช้ฉันทะในทางที่ผิด ซึ่งตรงจุดนี้ผมอยากให้ทุกคนดูเป็นตัวอย่าง ไม่ใช่ทำตามนั้น ที่ให้ดูเป็นตัวอย่างคือการท่องหนังสือท่านไม่ค่อยสนใจ แต่ถ้าไปนั่งเย็บปักถักร้อยนี่ข้ามวันข้ามคืนได้เลย ลักษณะเดียวกันครับ คือกำลังใจที่มุ่งมั่นเท่ากัน เพียงแต่เปลี่ยนมาใช้ให้ถูกที่ ก็กลายเป็นของที่เราประสบความสำเร็จได้
สมัยผมบวชพรรษาแรก เพื่อน ๆ ในพรรษาเวลาทุ่มครึ่งก็นัดกันว่ามีปัญหาอะไรในการปฏิบัติให้มาคุยกัน ถ้าหากว่าติดขัดอย่างไรจะได้ไปถามรุ่นพี่เขา ก็ปรากฏว่าเป็นเวลาฉันน้ำปานะแบบนี้แหละ คนโน้นก็ไมโล คนนี้ก็โอวัลติน มึงส่งให้กู กูส่งให้มึงยุ่งไปหมด ปรากฏว่าทิดหนูลูกลุงเอี๊ยง นั่งอ่านนิยายกำลังภายใน เพื่อนส่งของข้ามไปข้ามมาอยู่ตรงหน้า เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยครับ สมาธิอยู่ตรงหนังสือ ผมดู ๆ แล้ว โอ้โห...นี่ระดับนิโรธสมาบัติเลยเว้ย..! ไม่รับรู้อาการภายนอกเลย คือฉันทะมีจนล้น วิริยะก็เหลือเฟือ จิตตะก็เลยจดจ่อปักมั่นอยู่ตรงนั้นแหละ ไม่สนใจเรื่องอะไรเลยครับ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2016 เมื่อ 19:32
|