ดูแบบคำตอบเดียว
  #7  
เก่า 13-10-2009, 11:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,074 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แล้วทีนี้อารมณ์ที่มันชุ่มฉ่ำอยู่ในอกค่ะหลวงพ่อ มันออกมาเป็นกระแส สามารถที่จะบังคับให้มันไปในทิศทางไหนก็ได้ บังคับให้ไปที่คนนี้ก็ได้ ตรงนี้มันเป็นตัวพรหมวิหาร ๔ หรือเปล่าคะ
ตอบ : มันเกิดจากสมาธิที่ทรงตัว แล้วกดรักโลภโกรธหลงให้ดับลงชั่วคราว มันเป็นทั้งปีติและสุขในฌาน แล้วหลังจากนั้นถ้าเราใช้ความสามารถจากตรงนี้ในการแผ่ความรู้สึกออกไป ในการปรารถนาดีหวังดีต่อผู้อื่น มันก็จะเป็นตัวพรหมวิหาร

ถาม : อย่างเมื่อก่อน ตัวรัก มันก็จะเป็นอารมณ์รักที่มันรัดรึงใจค่ะ พอตอนหลังอารมณ์ตัวนี้กระแสมันเปลี่ยนไปเลย มันเปลี่ยนไปในทางที่เป็นตัวเมตตาเฉย ๆ แล้วมันไม่มีอะไรไปมากกว่านั้นค่ะหลวงพ่อ
ตอบ : อันแรกมันยังเป็นราคะอยู่ อันหลังมันเป็นพรหมวิหารแล้ว

ถาม : แล้วทีนี้หนูมาสังเกตเห็นตัวเองว่ามันเหมือนคนบ้า บ้าในที่นี้คือมันทุ่มเลยค่ะ ทุ่มในลักษณะที่ว่า ทำ ทำ ทำ ทุ่มสุดตัว เหมือนกับว่ากำลังใจมันสูง มันสูงจนกระทั่งบางวันมันไม่หลับ ตรงที่กำลังใจสูง มันก็พาให้ตัวสมาธิสูงด้วยแล้วก็ตัววิปัสสนาตามด้วย
ตอบ : โดยหลักการปฏิบัติ ถ้าหากว่าอินทรีย์ ๕ มันเจริญ พละ ๕ มันก็ตามมา คือ ถ้าหากศรัทธามันเกิด พากเพียรทำไปแล้วมันมีผล ตัวสติ สมาธิ ปัญญามันก็จะก้าวหน้า มันก็จะมีกำลังใจที่อยากจะทำอีก มันก็กลับไปเป็นศรัทธาอีกที แต่ว่าตรงจุดนี้ให้ระมัดระวังว่ามันมีอุปกิเลสอยู่ตัวหนึ่ง คือ ปัคคาหะ ความเพียรมากเกินไป ในปัจจุบันนี้แม้ว่าความเพียรมากเกินยังไม่มีใครเป็นตัวอย่างก็จริง แต่ให้ระมัดระวังว่าถ้ามันขาดการพักผ่อน หรือว่าพักผ่อนไม่พอบางทีร่างกายมันไม่ไหว มันจะเกิดอาการกรรมฐานแตก สติแตกได้ง่าย ๆ เหมือนกัน เพราะฉะนั้นผ่อนสั้นผ่อนยาว ดูจุดพอเหมาะพอดีก็แล้วกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา