ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 29-05-2012, 07:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,238 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์วันสงกรานต์ที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๕

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสส

สุสฺสูสํ ลภเต ปญฺญํ ติ

ณ บัดนี้ อาตมภาพรับหน้าที่วิสัชนาในสุตกถา เพื่อเป็นเครื่องโสรจสรงองคศรัทธาบารมี ของบรรดาทานิสราธนบดีทั้งหลาย ที่พร้อมใจกันมาบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันสงกรานต์ ณ วัดท่าขนุนแห่งนี้

ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย อันว่าประเพณีสงกรานต์นั้น เป็นประเพณีเก่าแก่แต่ดั้งเดิม สืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยชมพูทวีป เรารับเอาประเพณีต่าง ๆ มาจากประเทศอินเดียแต่โบราณ นำมาปรับจนกระทั่งกลายเป็นประเพณีอย่างหนึ่งในวิถีชีวิตของคนไทย

ประเพณีสงกรานต์จะมีขึ้นในเดือน ๕ ซึ่งเป็นเดือนที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนที่สุด เราจึงได้มีการนำประเพณีสงกรานต์นี้เข้ามา มีการรดน้ำดำหัวเพื่อสร้างความชุ่มชื่น เย็นกายเย็นใจให้แก่กันและกัน จัดว่าเป็นการปรับเอาประเพณีสงกรานต์นั้น ให้เข้ากับขนบธรรมเนียมประเพณีของบ้านเราอย่างดียิ่ง

สำหรับคำว่า “สงกรานต์” นั้น เป็นการที่พระอาทิตย์ยกย้ายเข้าสู่ราศีเมษ สงกรานต์เป็นภาษาสันสกฤต มีความหมายว่า เคลื่อน ย้าย หรือ เปลี่ยน เมื่อพระอาทิตย์ยกย้ายจากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ ก็ถือว่าเข้าสู่วาระปีใหม่แต่เดิมของไทยเรา จนกระทั่งมาภายหลังได้มีการปรับเปลี่ยนให้ถือประเพณีปีใหม่ตามแบบสากล คือนับเอาวันที่ ๑ มกราคมของทุกปีเป็นวันขึ้นปีใหม่ แต่เราก็หาได้ทอดทิ้งวันสงกรานต์ไม่ ยังคงใช้วันสงกรานต์นี้ เป็นวันที่ทำบุญตามประเพณีของเราสืบมาจนถึงปัจจุบัน

ญาติโยมทั้งหลายจะเห็นได้ว่าในช่วงเดือน ๕ นั้น เป็นหน้าร้อนจัด เรามีประเพณีสงกรานต์ที่มีการรดน้ำดำหัวและเล่นน้ำสาดน้ำกัน เพื่อเป็นการดับร้อนผ่อนเย็น เหมาะสมกับฤดูกาล แต่นั่นเป็นการการดับร้อนทางภายนอกเท่านั้น การดับร้อนที่จะให้ได้ผลดีจริง จำเป็นต้องดับความร้อนภายในของเรา ความร้อนภายในของเรานั้น องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า เกิดจากการเผาผลาญของไฟใหญ่ ๔ กอง ได้แก่ โลภัคคิ ไฟคือความโลภ ราคัคคิ ไฟคือราคะ โทสัคคิ ไฟคือโทสะหรือความโกรธ โมหัคคิ ไฟคือความลุ่มหลงมัวเมา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-05-2012 เมื่อ 18:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 85 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา