ดูแบบคำตอบเดียว
  #46  
เก่า 06-11-2014, 00:54
สายท่าขนุน สายท่าขนุน is offline
สมาชิก VIP - ผู้ได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 759
ได้ให้อนุโมทนา: 160,001
ได้รับอนุโมทนา 133,088 ครั้ง ใน 5,305 โพสต์
สายท่าขนุน is on a distinguished road
Wink กราบฟังเสียงหลวงพ่อที่วัด

คราวบวชเนกขัมมะ ช่วงกฐิน ๘-๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา เป็นคราวที่พระอาจารย์ท่านว่าคนน้อยกว่าทุกคราวที่เคยจัดมา
อาจเป็นเพราะต้องลางานถึง ๓ วัน จำได้คร่าว ๆ ว่า ญาติโยมรวมพระ เณร และแม่ชีแล้ว มี ๖๐ คน และโยมบวชน้อยกว่าพระทั้งวัดอีก
(ยายว่าไม่แน่นา ช่วงลอยกระทงที่จะถึงนี้ แม้ลางานเพียง ๒ วัน โยมก็อาจมาน้อยสูสีกัน หรือน้อยกว่าได้ เพราะล้าจากช่วงกฐิน และวันลาหมดอีกด้วย)
และแม้พระอาจารย์จะมีกิจอันเนื่องมาจากพระครูกาญจนเขตวิมล เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ มรณภาพลงกะทันหันในวันที่ ๘ ตุลาคม พอดี
ท่านก็หมายมั่นปั้นมือจะ 'จัดเต็ม' ให้พวกเรามาก ๆ ดังที่ท่านเอ่ยปากไว้ก่อนหน้าว่า มีตั้ง ๕ วัน แบบที่ไม่ติดงานบุญหลายวัน
แค่ช่วงวันกฐินที่รวบเอาตักบาตรเทโวไว้ด้วยกันวันเดียว

ท่าน 'ท้า' ให้พวกเราฝึกปิดทางกิเลสจากเครื่องมือสื่อสารในชีวิตประจำวันของคนยุคนี้ คือ
ให้งดเล่นไลน์ เฟซบุ๊ก อินเทอร์เน็ต หรือเข้าโซเชียลทั้งหลาย สัก ๕ วัน ดูซิว่ามันจะตายไหม
...ยายเอง เสร็จมันตั้งแต่คืนแรกเลย เพราะดันห่วงงาน เข้าอ่านอีเมล์ และทำงานเลยแหละ...
อนาถใจจริง... ถึงแม้ว่าวันที่เหลืออีก ๔ วัน ตั้งใจใหม่ และไม่เข้าแล้วก็ตาม ก็ถือว่า ตายไปแต่แรกแล้ว!!!
(ดังที่พระอาจารย์ท่านว่าวันรุ่งขึ้นว่า แค่ท่านให้ลองนี่ ก็ตายกันระนาว ศพเกลื่อนวัด)

ท่านนำกรรมฐานก่อนตีสี่ และเมตตาแบบที่ท่านว่า ใครไม่ได้มารอบนี้น่าเสียดาย ท่าน ‘บอกหมด’
...ใครทำเป็น ตั้งใจพิจารณาตามไปนี่ บรรลุกันได้เลยเชียว


เรื่องคำสอนของพระอาจารย์คราวนี้ ไปหาอ่านกันได้ มีลงไว้ให้ใน 'เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ'
เรื่องตามพระไปบิณฑบาต ก็ยังอุตส่าห์มีประเด็นเพิ่ม...

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เถรี อ่านข้อความ
ในส่วนนี้ พวกเรายิ่งทำไปใจต้องยิ่งละเอียดขึ้น ต้องยิ่งเห็นว่า กาย วาจา ใจ ของเรา ก่อทุกข์ก่อโทษให้เขาเท่าไร จะได้หยุดสร้างเหตุนั้นเสีย ถ้ากรรมใหม่ของเราไม่ได้สร้าง กรรมเก่าเราค่อย ๆ ชดใช้ไป เดี๋ยวก็หมดกรรม สามารถหลุดพ้นไปได้ แต่ถ้ากรรมเก่าก็ยังใช้ไม่หมด กรรมใหม่ก็สร้างเพิ่มไปเรื่อย ๆ แล้วอีกกี่ชาติกว่าจะมีปัญญาหลุดพ้นกับเขาบ้าง ?

บางท่านก็เมตตาเหลือเกิน พระเดินถนนอยู่ก็พระของกู หลวงพ่อของกู พระวัดกู เพราะฉะนั้น..คนอื่นว่ากันทีหลัง กูยืนกั้นถนนเลย ให้พระของกูไปก่อน เป็นการกระทำที่เมตตาเกินประมาณ แล้วก็สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นเขา อย่าได้ทำอย่างนั้นอีก
ครั้งนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ยายได้อะไรเพิ่มเติมจากที่มีโอกาสฟังเสียงหลวงพ่อสบาย ๆ ช่วงก่อนนอน
คงเป็นเพราะคนน้อย ไม่มีเสียงพูดคุยกันปนเข้ามา และเครื่องเสียงตรงโรงครัวไม่เงียบแบบบางคราว
ทำให้ตั้งอกตั้งใจฟังได้ดีขึ้น

เอาเรื่องเบา ๆ ก่อน... คืนหนึ่ง ยายได้ยินหลวงพ่อแนะนำว่า หากเราอยู่ในอุปจารสมาธิ ยุงจะไม่กัด
(กำลังนึกต่อว่า แล้วที่โดนตัวริ้นคู่อริกัดเยินอยู่นี่ล่ะเจ้าคะ... ได้ยินหลวงพ่อพูดต่อว่า) พวกริ้นไรก็เหมือนกัน
...ก็ทดลองนะ ขอไม่บอกผลที่นี่ดีกว่า... เชื่อหลวงพ่อนั้นแน่นอน
แต่เราไม่ได้มั่นใจตัวเองว่าผลนั่นน่ะ เพราะเราทำสมาธิแค่เบาะ ๆ นี่ไว้ได้ ๕๕๕

ระยะหลัง ๆ ยายสังเกตว่า พระอาจารย์ท่านเทศน์สอนหนัก เข้มข้นเหมือนเอ็ดแรง ๆ ให้เร่งปฎิบัติบ่อย ๆ...
เรานึกว่าเออหนอ พระอาจารย์ท่าน ‘ปากเปียกปากแฉะ’ อดทน ทรมานสังขาร อบรมสั่งสอนพวกเรา
แม้ตามที่เรียกได้ว่าเกือบไม่เห็นหนเลย ว่าพวกเราจะตั้งใจปฏิบัติกันมากน้อยเพียงไร
ยายกราบขอขมาทุกท่าน ที่กล่าวเหมารวมเช่นนี้ ขอให้อโหสิแก่ยายด้วย
แต่สาเหตุที่ทำให้ยายกล่าวเช่นนี้ก็มีอยู่ ดังเช่นตัวอย่างข้างต้น
เรื่องที่คิดว่าทำง่าย ๆ แบบที่ท่านพูดแล้วพูดอีกอย่างเรื่องที่โยมตามไปบิณฑบาตก็ยังมีประเด็นอยู่ (ขนาดโยมน้อย ๆ แล้วนะ)
...แถมมีประเด็นใหม่ั้กั้นถนนให้พระด้วย

กลับไปทวนว่า ก็เรามันพวก 'เนยยะ' ตามสมัยนิยม จะฟังทีเดียวให้รู้เรื่อง ก็กรรมทำมา
ให้ยังมีกำลังไม่พอสู้กิเลส ถูกกิเลสมันปัดเป๋ไม่เป็นท่าได้เรื่อย ๆ
เอ... แล้วต้องทำอย่างไรกันล่ะ
(ถามอีกแล้ว... ครูบาอาจารย์ท่านก็เมตตา 'สั่งสอน' อยู่ สามารถหาอ่าน หาฟัง ได้ทุกเมื่อเชื่อวัน
ที่ท่านแนะนำไว้นะ ทำให้จริงสักเรื่องเถอะ)
...ได้แต่พยายาม (ยังไม่มากพอแน่ ๆ !!!) 'ปฏิบัติ' ให้ได้ขณะที่ใช้ชีวิต และให้ได้ 'ทุกลมหายใจ'

ค่ำหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงหลวงพ่อท่านว่า
บุคคลประเภท เนยยะ นั้น ไม่สามารถเข้าถึงความเป็นอริยะได้ เข้าถึงได้เพียงไตรสรณคมน์...
เรื่องนี้ ได้นำไปกราบเรียนถามพระอาจารย์ และได้คำตอบตามนี้
อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เถรี อ่านข้อความ
ถาม : ตามที่เพิ่งได้กราบฟังเสียงหลวงพ่อวัดท่าซุงมา หลวงพ่อว่าบุคคลประเภทเนยยะนั้น ไม่สามารถเข้าถึงความเป็นพระอริยะได้ เข้าถึงได้เพียงไตรสรณคมน์ จึงขอกราบเรียนถามว่าบุคคล ๔ ประเภท คือ อุคฆฏิตัญญู วิปจิตัญญู เนยยะ และปทปรมะนั้น เป็นการแบ่งตามกรรมที่ทำมา คือ เป็นประเภทนั้น ๆ ตั้งแต่เกิดไปตลอดอายุขัย หรือเป็นตามกำลังใจของคนในขณะใดขณะหนึ่ง ? และคนสามารถพัฒนาปรับกำลังใจตนเองให้ไปสู่ประเภทที่สูงขึ้นไปได้หรือไม่ ?
ตอบ : จากประสบการณ์ของตนเองที่ผ่านมา การปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญา จะช่วยพัฒนาระดับบารมีของเราให้สูงขึ้นได้เรื่อย ๆ แต่ว่าในจุดนี้ไม่ยืนยัน เพราะไม่แน่ใจว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนกันหรือไม่

ให้คิดอยู่อย่างเดียวว่า ทุกคนสามารถพัฒนาภูมิจิตภูมิธรรมของตนเองขึ้นไปได้อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นแล้วคงไม่ได้พบกับธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยกเว้นประเภทเดียวคือปทปรมะ เพราะท่านทั้งหลายเหล่านั้นฉลาดเกินไป จนไม่ยอมรับความเห็นของคนอื่น
บวชเนกขัมมะรอบนี้ ความรู้สึกที่ได้มา บอกไม่ค่อยจะถูก คือเห็นว่า ครูบาอาจารย์ท่านลำบากในการสั่งสอนพวกเราเหลือเกิน ท่านยังไม่ท้อถอยที่จะ 'เข็น' เรือเกลือ อย่างพวกเรา แต่พวกเราสิกลับ 'เชื่อกิเลสมากกว่า' ไม่ยอม 'สู้ตาย' แบบที่พระอาจารย์ว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงบอกไว้ว่า คนจะไปนิพพานชาตินี้ได้ ต้องบ้าเกินคน
อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เถรี อ่านข้อความ
ถาม : บุคคลประเภทเนยยะ หากไม่สามารถปรับขึ้นเป็นวิปจิตัญญู หรืออุคฆฏิตัญญูได้ในชาติปัจจุบัน หมายถึงว่า การจะเข้าถึงพระนิพพานในชาติปัจจุบัน มีโอกาสเพียงขณะที่จะหมดลมหายใจเท่านั้น ถูกต้องหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าปรับไม่ได้ ตอนหมดลมหายใจก็หมดสิทธิ์เหมือนกัน ฉะนั้น..ขอให้มั่นใจก่อนว่าปรับได้ ต่อให้เขาบอกว่าไม่ได้ก็ต้องเอาให้ได้ เพราะว่าบุคคลที่หวังไปพระนิพพาน กำลังใจต้องเกินคน อย่างที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ต้องบ้าเกินคนอื่นหลายเท่า
จำที่พระอาจารย์ท่านเล่าถึงเพื่อนเกลอที่ว่าท่านเป็นขอนไม้ผุ ๆ กันได้ไหม ดังที่ท่านก็เทศน์ในคราวนี้ด้วย
อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เถรี อ่านข้อความ
มีอยู่วันหนึ่งอาตมากำลังป่วย เขามาร้องเพลงขอนไม้กับเรือให้ฟัง แล้วบอกว่า “ไอ้ท่านก็เป็นแค่ขอนไม้ผุ ๆ เท่านั้นแหละ จะไปส่งคนขึ้นเรือขึ้นฝั่งได้อย่างไร ? ตัวเองยังจะไปไม่รอดเลย จะไปส่งใครได้” ร้องเพลงเพราะด้วยนะ สำเนียงปักษ์ใต้แท้เลย เรื่องพวกนี้อยากจะบอกกับพวกเราว่า กิเลสต่าง ๆ ที่ร้อยรัดเราติดอยู่กับโลกนี้ มีแต่จะหนักขึ้นทุกที ๆ ถ้าเราไม่ตั้งใจเด็ดขาดจริงจังสู้กับกิเลส โอกาสที่จะรอดก็ยาก

*** ช่างน่าสะท้อนใจนัก ***
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน
ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว...
กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน

อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายท่าขนุน : 16-11-2014 เมื่อ 22:28 เหตุผล: ไลน์ - เป็นศัพท์เฉพาะของผู้ให้บริการ, เฟซบุ๊ก อินเทอร์เน็ต - เป็นศัพท์บัญญัติแล้ว
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา