อีกส่วนหนึ่งก็คือดูให้เห็นว่า ตัวเราก็ดี คนอื่นก็ดี สัตว์อื่นก็ดี วัตถุธาตุทั้งหลายก็ดี ระหว่างที่ดำรงชีวิตอยู่นั้น ประกอบไปด้วยความทุกข์ ทุกข์ของการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย พลัดพรากจากของรักของชอบใจ ปรารถนาไม่สมหวัง กระทบกระทั่งอารมณ์ที่ไม่ชอบใจ เป็นต้น
ท้ายสุดก็เสื่อมสลาย ตาย พัง ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเราสักอย่างเดียว ขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีร่างกายที่เต็มไปด้วยความไม่เที่ยงเช่นนี้ มีแต่ความทุกข์เช่นนี้ ไม่มีอะไรให้ยึดถือมั่นหมายให้เป็นตัวตนเราเขาได้เช่นนี้ จะไม่มีสำหรับเราอีก ตายเมื่อไรเราขอไปที่เดียวคือพระนิพพาน
ทุกวันให้เราวางกำลังใจในลักษณะอย่างนี้ ส่งกำลังใจสุดท้ายของเราเกาะพระนิพพานเอาไว้ เพื่อเป็นการประกันความเสี่ยงว่า ถ้าหากหมดอายุขัยตายลงไป หรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายถึงแก่ความตาย เราจะได้ไปพระนิพพานดังที่เราตั้งความปรารถนาเอาไว้
ลำดับต่อไปให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๐
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธ)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-05-2017 เมื่อ 17:12
|