ดูแบบคำตอบเดียว
  #22  
เก่า 07-11-2014, 17:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ในเรื่องของสภาพจิต ถ้าเราไม่ศึกษาจริง ๆ เราก็จะไม่เห็นความกลับกลอก ความเอาแน่ไม่ได้ ความโกหกหลอกลวงสารพัด เพื่อที่จะหลอกเราให้ยึดติดอยู่กับโลกนี้ ยึดติดอยู่กับวัฏสงสารแห่งนี้ คำว่า วัฏสงสารหรือ สังสารวัฏ แปลว่า การหมุนวนซึ่งหาที่สุดไม่ได้ ถ้าเปรียบไปก็เหมือนกับทะเลทุกข์

เราหมุนวนอยู่ในทะเลทุกข์อย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้ แล้วก็ไม่พยายามที่จะตะเกียกตะกายขึ้นฝั่งเสียด้วย พอมีคนชี้ทางให้ขึ้นฝั่งก็เกิดความรู้สึกเสียดายว่า ว่ายมาตั้งนานแล้ว ขอต่ออีกหน่อยแล้วกันนะ ลงทุนไปเยอะแล้ว ก็แปลว่าได้ลงทุนอีกหลายชาติ..!

ฉะนั้น..ในเรื่องของการปฏิบัติ ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเกิดความซ้ำ ๆ ซาก ๆ เราต้องหาเทคนิคในการที่ทำให้ตัวเองรู้สึกว่า เราไม่ได้ทำอะไรซ้ำ ๆ กัน อย่างที่ได้สอนได้บอกพวกเราไปตอนกรรมฐานช่วงเช้า มีสารพัดวิธี สามารถที่จะปรับเอามาใช้กับเราได้ โดยให้สังเกตว่า อันดับแรก..กำลังใจของเราเกาะพระรัตนตรัยอยู่หรือไม่ ? อันดับที่ ๒ กำลังใจของเรามีนิวรณ์ห้าเกาะกินได้หรือไม่ ? ถ้าสิ่งที่เราทำยึดพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นหลัก และไม่มีนิวรณ์ห้าแทรกเข้ามาในจิตช่วงนั้นได้ ก็ทำไปเถอะ แบบไหนก็ใช้ได้ทั้งนั้นแหละ

พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ตั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมชันธ์ สำหรับบุคคลสารพัดประเภท เพราะฉะนั้น..ที่เขาบอกไว้ว่ามีคนบ้า ๕๐๐ จำพวก รู้สึกว่าจะน้อยไป ต้องมากกว่านั้นแน่ ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2014 เมื่อ 02:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 76 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา