ดูแบบคำตอบเดียว
  #36  
เก่า 11-11-2014, 09:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อาตมามีงานที่กรุงเทพฯ พรุ่งนี้ต้องไปสอนหนังสือต่อ แล้วก็วิ่งกลับมาเทศน์ในงานศพ โอ้พระเจ้า...ชีวิตอยากเป็นฆราวาสเหมือนกัน ถ้างานชุกขนาดนี้รวยตายชักเลย ทั้งหมดที่บอกมาก็คือ อยากบอกกับพวกเราว่า ถ้าสมาธิดี ก็จะมีกำลังเพียงพอที่จะคุมร่างกายให้ทำงานเหล่านี้ แต่ให้กลับถึงที่นอนก่อนแล้วค่อยคลายสมาธินะ ไม่อย่างนั้นแล้วจะเสียท่า จะป๊อกเงียบไปเลยเพราะหมดสภาพแล้ว

ใครที่เคยทำงานหนักจนหมดสภาพจะรู้ว่า พองานเสร็จกำลังใจคลายตัวออกก็ไปเลย ก็คืออยากหลับเดี๋ยวนั้นเลย ฉะนั้น..ให้ถึงที่นอนก่อนแล้วค่อยคลายสมาธิออกมา สิ่งนี้พระพุทธเจ้าเรียกว่า มโนสัญเจตนา คือความมุ่งมั่นของใจ ถ้าตราบใดที่ใจยังมุ่งมั่นอยู่ ตราบนั้นร่างกายก็ยังไปไหว

แบบเดียวกับที่เขาวิ่งส่งข่าวศึกเป็นระยะทาง ๔๒ กิโลเมตรกว่า ว่ากรีซได้รับชัยชนะกองทัพโรมันแล้ว คนส่งข่าววิ่งไป ๔๐ กว่ากิโลเมตรไปแจ้งข่าว วิ่งไปได้ พอแจ้งข่าวเสร็จหมดหน้าที่ก็หงายหลังตึง หมดลมตายเดี๋ยวนั้นเลย ทุกวันนี้เขาก็เอามาเป็นการวิ่งมาราธอน ๔๒.๗ กิโลเมตร ตามระยะทางที่เขาวิ่งข้ามเมืองไปแจ้งข่าว ถ้าหากว่าเป็นฮาร์ฟ-มาราธอนก็ครึ่งหนึ่ง มินิมาราธอนก็หนึ่งในสี่ ญาติโยมอาจจะสงสัยว่ามาจากไหน ? มาจากมโนสัญเจตนาของบุคคลหนึ่ง ก็คือมุ่งมั่นว่าจะไปส่งข่าวให้พรรคพวกของตนเองรู้ ไปจนถึง ส่งข่าวแล้วถึงได้ตาย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-11-2014 เมื่อ 15:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 61 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา