ดูแบบคำตอบเดียว
  #46  
เก่า 11-09-2012, 11:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,610
ได้ให้อนุโมทนา: 151,798
ได้รับอนุโมทนา 4,412,382 ครั้ง ใน 34,200 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : บรรลุเร็ว พวกเห็นนั่นเห็นนี่มักจะติดอยู่แค่นั้นแหละ เพราะฉะนั้น..พยายามอย่าโง่ไปเห็น..! จากประสบการณ์ที่ฝึกมโนมยิทธิมา ตั้งแต่อายุ ๑๙ ปีมาจนป่านนี้ สรุปได้ว่า ๓๖ - ๓๗ ปีที่ผ่านมา หาคนฉลาดที่พอจะเอาตัวรอดจากที่สิ่งที่ตัวเองรู้เห็นได้น้อยมาก ส่วนใหญ่จะไปดีใจหรือภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองทำได้ แล้วก็มักจะไปรื้อฟื้นความสัมพันธ์เก่า ๆ กับคนรอบข้าง เขาให้รู้เพื่อละ เรายิ่งไปฟื้นมาใหม่ก็ยิ่งผูกหนักเข้าไปอีก แล้วท้ายที่สุดก็กอดคอกันจมห้วงวัฏสงสารตายทั้งขบวน..!

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนมโนมยิทธิ เพราะท่านมั่นใจว่าลูกศิษย์ท่านต้องมีคนฉลาดพอ ที่จะรู้ว่าควรจะใช้มโนมยิทธิอย่างไรถึงจะถูกต้อง แต่อาตมายังไม่ค่อยเจอคนฉลาดเลย

มุ่งหน้าเข้าหาอารมณ์พระโสดาบันตรง ๆ อย่างอื่นไม่ต้องเสียเวลา ถ้าทำถึงก็มาเอง


การปฏิบัติทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสายสุกขวิปัสสโก หรือสายอภิญญาก็ตาม สรุปลงตรงศีล สมาธิ ปัญญาทั้งหมด ถ้ามีนิสัยชอบในทางอภิญญาอยู่แล้ว ก็แปลว่าของเดิมต้องมีอยู่ เพราะฉะนั้น..เร่งรัดตัดเข้าหาความเป็นพระอริยเจ้าโดยเร็วที่สุด เมื่อถึงเวลาแล้วกำลังที่ใช้ก็เท่ากับการตัดกิเลส เพราะถ้าไม่มีกำลังสมาธิ ก็ไม่มีอะไรไปสู้กับกิเลสได้ กดกิเลสไม่อยู่ ตัดกิเลสไม่ขาด ในเมื่อถ้าเราทำถึงก็แสดงว่าสมาธิของเราถึง ในเมื่อสมาธิถึง กำลังถึง เรื่องของอภิญญาสมาบัติจะตามมาเอง ตอนนั้นต่อให้บอกว่าไม่อยากได้ก็จะมา

แล้วอีกอย่างหนึ่งในความเห็นของอาตมา
อภิ แปลว่า ยิ่งกว่า อัญญา คือ ความรู้ ไม่มีอะไรที่เรารู้ยิ่งไปกว่าการตัดกิเลส อภิญญาอย่างอื่นที่แสดงฤทธิ์แสดงเดชได้ อาตมายังไม่ถือว่าเป็นอภิญญาที่แท้จริง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-09-2012 เมื่อ 14:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 223 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา