การฝึกกรรมฐานแบบพม่า คือ ยุบหนอ พองหนอ หมายเอาลมหายใจเข้า-ออก นั่นเอง
ต่อมาสอนให้กำหนดเอาอิริยาบถ เช่น เมื่อก้าวเท้าไปข้างหน้า กำหนดว่า ก้าวหนอ-ก้าวหนอ อย่างนี้เป็นต้น
ผู้เขียนรู้สึกสงสารจริง ๆ อุตส่าห์ไปเรียนกรรมฐานถึงประเทศพม่า
มาสอนในเมืองไทยกลับมาก็สอนเรื่องเก่านั่นเอง
แท้ที่จริงแล้วสติปัฏฐานภาวนาที่สามเณรน้อย ๆ เรียนจากนักธรรมตรี
ท่องบ่นจดจำกันจนปากเปียกปากแฉะว่าสติปัฏฐานสี่ให้พิจารณา
กาย เห็นสักแต่ว่ากาย ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา เป็นกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน
เวทนา เห็นสักแต่ว่าเวทนา ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา เป็นเวทนาปัสสนาสติปัฏฐาน
จิต เห็นสักแต่ว่าเป็นจิต ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา เป็นจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ธรรม ไม่ใช่เป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา เรียกว่า ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน
ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว...
กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน
อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑
|