พระอาจารย์กล่าวว่า "เด็ก ๆ สมัยนี้รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดเร็ว การพูดช้าดีกว่านะ คนพูดช้าแสดงว่าพูดอย่างมีสติ พูดด้วยความระมัดระวัง สมัยนี้เขาพูดเร็วจนรู้สึกว่าประสาทของเรารับไม่ทัน กว่าจะตีความได้เขาพูดไปอีกหลายประโยคแล้ว
มีคนที่อาตมารู้จัก..เวลาเขาสั่งงาน เขาสั่งเร็วจนกระทั่งแม้แต่อาตมาเองยังฟังไม่ทัน ลูกน้องเขาฟังทันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่ารู้ตัวให้ปรับการพูดให้ช้าลงนิดหนึ่ง
ส่วนอาตมาเองพูดสั้นเกินไป คนจึงไปตีความกันมากจนเกินเหตุ กลายเป็นผิดไปทุกที อาตมาเป็นคนที่เห็นว่าถ้าเนื้อหาครบก็จบแค่นั้น คราวนี้เขาดันไปตีความ ซึ่งความจริงทำตามไปตรง ๆ ก็จบแล้ว ยิ่งตีความก็ยิ่งเข้าป่าเข้าดงไปกันใหญ่
นึกถึงมหาวิทยาลัยสมัยนี้ ที่เขาสอนให้วิเคราะห์พระพุทธเจ้า ว่าทำไมพระพุทธเจ้าถึงเทศน์พระสูตรนี้ ? อยู่ในสถานการณ์อย่างไร ? พระองค์มีความคิดความต้องการอย่างไร ? ชาติหน้าคงจะวิเคราะห์ได้ถึงหรอก..! เจตนาของพระองค์ท่านก็แค่ตั้งใจสงเคราะห์ ให้เขามีโอกาสได้มรรคได้ผล พระองค์ท่านถึงได้แสดงพระธรรมเทศนา ทำไมต้องไปเสียเวลานั่งวิเคราะห์ด้วยว่าพระองค์ท่านอยู่ในอารมณ์ไหน ? ประเภทข้าวอยู่ตรงหน้าแทนที่จะรีบกิน กลับไปนั่งเขี่ยดูว่ามีอะไรเป็นส่วนประกอบบ้าง ควรที่จะปล่อยให้อดเสียให้เข็ด..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2012 เมื่อ 02:55
|