บรรยายธรรม ณ บ้านตลิ่งชัน วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๒ (๐๑)
บรรยายธรรม ณ บ้านตลิ่งชัน (๐๑)
๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๒
ที่เราปฏิบัติกันอยู่ทุกวันนี้ ก็ทำเพื่อจะไปพระนิพพาน การที่เราต้องการไปพระนิพพาน อุปสรรคใหญ่จะมีเยอะมาก โดยเฉพาะการทดสอบกำลังใจในรูปแบบต่าง ๆ มารเขาเก่ง ใครรู้จักหน้าตาของมารบ้าง ? หน้าตาเหมือนเราเปี๊ยบเลย..!
จริง ๆ..ไม่ได้พูดเล่น เหมือนเราเปี๊ยบเลย มารกับความดีหน้าตาเหมือนกันทุกอย่าง มีแต่ก้าวสุดท้ายเท่านั้น ก้าวสุดท้ายมารเขาจะดึงเราลง แต่พระดึงเราขึ้น ต่างกันแค่ก้าวสุดท้ายก้าวเดียว ขึ้นอยู่กับศรัทธา ความเชื่อ วิริยะ ความพากเพียร สติ ความตั้งมั่นระลึกรู้ของเรา สมาธิ กำลังใจที่ปักมั่นคง แล้วก็ปัญญา ความรู้แจ้งของเรา ถ้า ๕ อย่างนี้มีไม่ครบ เราสู้มารไม่ได้
ปี ๒๕๓๘ อาตมาโดนมารต้อนอยู่ ๒ เดือนกว่า ถูกตีแทบตาย บังเอิญหนังเหนียวจึงรอดมาได้ เห็นหน้ามารครบถ้วนสมบูรณ์แบบทุกอย่าง ถึงได้บอกกับเขาว่า ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้า กูจะยอมไหว้มึง..! เขาเก่งมาก แต่พอผ่านจุดนั้นไปแล้ว กำลังใจเหมือนกับพลิกกลับ หลังมือเป็นหน้ามือ กลับด้านไปเลย
เราจะเห็นว่ามารไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นครูที่ดีที่สุดของเรา ครูคนนี้ขยันอย่าบอกใครเลย เผลอเมื่อไรเป็นออกข้อสอบ ถ้าเราสอบได้ กำลังใจก้าวพ้นจุดนั้นไป ก็จะไม่ถอยกลับมาอีก แต่ถ้าเราสอบตก เขาก็จะเป็นมาร คือผู้ขวาง ผู้ฆ่าเราจากความดี ถามว่า ถ้าไม่ใช่ศัตรู แล้วเราจะทำอย่างไรกับเขา ? ไม่ต้องทำอย่างไรกับเขาหรอก ปล่อยเขาไป เขามีหน้าที่ขวาง ก็ให้เขาขวางไป เรามีหน้าที่หนี เราก็หนีไป ดูว่าใครมีความสามารถมากกว่ากัน แค่นั้นเอง
คราวนี้การที่เขาขวางนั้น เขาสามารถใช้คน ใช้ของ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเรา เป็นเครื่องทดสอบได้ กระติกน้ำวางตรงนี้แท้ ๆ มองลงไปโทสะเกิด "ใครวะ..? วางเกะกะฉิบหายเลย..!" นี่..เขาสามารถใช้ได้ขนาดนี้ ทั้งคน ทั้งของ โดยเฉพาะคนที่เรารัก ยิ่งรักมากเท่าไร จะเป็นตัวทดสอบเรามากเท่านั้น การกระทบกระทั่งที่เกิดขึ้นทุกประการ เกิดจากเจตนาของเขาทั้งสิ้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 06-07-2015 เมื่อ 09:10
|