อย่าลืมนะ..เมื่อครู่บอกว่า ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ถ้ามีสติทรงตัว สมาธิก็ตั้งมั่นได้ง่าย สมาธิตั้งมั่น ปัญญาก็เกิด ปัญญาเกิดก็จะไปคุมสติอีกทีหนึ่ง จะวิ่งไล่ตามกันไป เหมือนอย่างกับเราหมุนเกลียวของน็อต หรือว่าหมุนเกลียวตะปู ถึงเวลาหมุนไปเรื่อย ๆ ก็จะสุดลงไปเอง เพียงแต่ต้องทำให้ต่อเนื่อง
ปัจจุบันพวกเราที่ทำแล้วไม่ค่อยไปไหน เพราะว่าทำแล้วทิ้ง ลุกแล้วเลิก ต้องลุกไปแล้วรักษาอารมณ์ที่เราทำได้ ให้อยู่กับเราให้นานที่สุด เรานั่งสมาธิ แหม..ผ่องใสเหลือเกิน สุขเยือกเย็นใจอย่างบอกไม่ถูก แต่พอลุกแล้วเลิกเลย ไปด่าเขาปาว ๆ แบบนั้นใช้ไม่ได้ ทำอย่างไรเราจะประคับประคองความมีสติ ความสุข ความเย็นกายเย็นใจนั้น ให้อยู่กับเราได้นานที่สุด ?
ตอนนี้เราเป็นผู้ทวนกระแสโลก ถ้าเราทวนกระแสมาถึงตอนนี้แล้วเราปล่อย ก็จะลอยตามกระแสไป เหมือนกับคนว่ายทวนน้ำ พอรามือก็ลอยตามน้ำไป แล้วเราก็ว่ายใหม่ ถ้าหากเราปล่อยไปวันหนึ่ง ว่ายใหม่หนึ่งวัน อย่างเก่งก็มาได้แค่เดิม ถ้าเหนื่อยมาก ๆ ว่ายหลาย ๆ เที่ยวก็ได้ไม่เท่าเดิม กลายเป็นว่าไม่ได้อะไรเพิ่มเลย ขยันทำงานทุกวัน แต่ผลงานไม่มี แล้วเราก็จะท้อ พอเราท้อเดี๋ยวก็พาเราถอย ถอยเมื่อไรก็ห่างความดีเมื่อนั้น
นอกจากรักษาอารมณ์ให้อยู่กับปัจจุบันแล้ว เรายังต้องปฏิบัติให้ต่อเนื่องตามกันทุกลมหายใจเข้าออก ถ้าเราทำถึงจริง ๆ แม้แต่หลับอยู่เราก็ทำได้ สติ สมาธิ ปัญญา จะดำเนินหน้าที่อยู่ตลอด หลับอยู่ก็เหมือนกับตื่น จะรู้ตัวอยู่เสมอ ไม่อย่างนั้นแล้วเราเองสามารถระวังป้องกันได้แต่ตอนตื่นเท่านั้น พอหลับเมื่อไร เดี๋ยวกิเลสก็ตีเราในความฝัน เพราะฉะนั้นเราจึงต้องคอยวัดตัวของเราเอง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-07-2015 เมื่อ 09:18
|