ดูแบบคำตอบเดียว
  #28  
เก่า 09-02-2011, 00:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,776 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ใช่ค่ะ..จากการที่โยมศึกษาข้อมูลของทางต่างประเทศด้วยก็พบว่า จุดหนึ่ง ต้องสร้างให้เด็กมีความสนุก ทางพุทธศาสนาเรียกว่าปีติ
ปีติก็คือ ฮอร์โมนตัวหนึ่งที่ต่อมไพเนียลจะทำงาน พอทำงานก็จะมาเชื่อมกับต่อมพิทูอิทารี ซึ่งตรงนี้ ถ้าสองต่อมเชื่อมกันก็จะเรียกว่าเป็นลักษณะการสว่างวาบ จะสามารถหยั่งรู้บางสิ่งบางอย่างที่เหนือธรรมชาติขึ้นมา
ตอบ : จัดเป็นวิชาการมากเลย

ถาม : ก็คือ เอาวิทยาศาสตร์กับพระพุทธศาสนามาผสม โยมอยากจะทำในลักษณะที่เป็นสากล ที่เด็กทั่วไปจะเข้ามา เพราะจะเป็นจุดหนึ่งที่เผยแพร่พระพุทธศาสนาอีกแง่มุมหนึ่งของเด็กสมัยใหม่
ตอบ : ได้ลองไปดูของแนวสัตยาไสของอาจารย์อาจองมาบ้างหรือยังจ๊ะ ? เขาจะออกมาแนวนี้เหมือนกัน แต่ด้านพุทธศาสนาก็ยังเอามาใช้น้อยอยู่

ถาม : ในเรื่องของสมาธิ ผู้ที่มีญาณหยั่งรู้จะรู้ได้ แต่ถ้าเรามีตัววัด พอจะได้บ้างไหม ? คือ ค่าความคลาดเคลื่อนของตัววัดนั้นมีอยู่แน่นอน
ตอบ : ตามที่ว่ามานั้นใช่เลย เพราะในแต่ละระดับร่างกายของเรา จะมีปฏิกิริยาทางเคมีของฮอร์โมนหรืออวัยวะภายใน ที่แสดงออกอย่างชัดเจน เพียงแต่ว่าเครื่องมือเหล่านี้ที่วัดได้ เป็นที่ยอมรับกันก็จริง แต่ถ้าไปถึงระดับหนึ่งจริง ๆ ในระดับที่เขาทรงสมาธิกันได้ เครื่องมือจะวัดไม่ได้นะสิ.. เพราะร่างกายเราจะเหมือนกับคนตายไปเลย

เขาทดสอบกันมาแล้วจ้ะ พอถึงเวลาแล้วเครื่องมือวัดไม่ได้ เพราะสภาพจะละเอียดเกินกว่าเครื่องมือวัดได้ ทั้ง ๆ ที่เรานั่งคุยกัน แต่สภาพข้างในร่างกายเหมือนกับคนตาย ไม่มีอวัยวะส่วนไหนระบุว่ากำลังทำงานอยู่..! เอาเป็นว่า ส่วนที่เราทำยังอย่าเพิ่งให้ถึงตรงนี้ เพราะเครื่องมือยังไม่สามารถที่จะวัดได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2011 เมื่อ 12:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา