ถ้าเรายังวางกำลังใจถูก ความรู้สึกก็จะรวบรัดเข้ามาจนกระทั่งเหลือความสว่างจ้าอยู่บริเวณตรงหน้าของเรา หรืออยู่ในอกของเรา เป็นดวงสว่างไสวเยือกเย็นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ตอนนี้อาการภายนอกต่าง ๆ เรารับรู้ไม่ได้ หูก็ไม่รับรู้ในเสียง กายสัมผัสก็ไม่มีความรู้สึก เพราะสภาพจิตไปจดจ่อแน่วแน่อยู่กับสภาพการณ์ปัจจุบันตรงหน้า ถ้าท่านมาถึงจุดนี้แปลว่าท่านเข้าถึงฌาน ๔ แล้ว
การที่เราจะเข้าฌานนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ยาก ถ้าวางกำลังใจถูกแค่ไม่กี่นาทีก็เข้าถึงได้ แต่ที่สำคัญก็คือเมื่อเข้าถึงแล้วทำอย่างไรที่เราจะทำให้เกิดความคล่องตัวชนิดที่ตั้งเวลาได้ นึกจะเข้าเมื่อไรก็ได้ นึกจะออกเมื่อไรก็ได้ สามารถสลับกำลังใจของเราในระหว่างฌานได้
ถ้าสามารถทำได้คล่องตัวเช่นนี้ พอเราไปจับการภาวนาใหม่อาจจะแปลกใจคิดว่ากำลังของเราถอยหลัง เพราะว่าตอนนี้สามารถรู้สึกได้ ลมหายใจที่ว่าไม่มีความจริงก็มีอยู่ เป็นลมที่ละเอียดและอ่อนจางมาก เหมือนอย่างกับใยแมงมุมใส ๆ บาง ๆ อยู่เส้นเดียววิ่งอยู่ระหว่างจมูกกับท้อง ถ้าหากว่าเส้นนี้ขาดลงแปลว่าตาย แต่ว่าด้วยความที่สภาพจิตละเอียดทำให้เรารู้สึกว่าใหญ่เป็นต้นเสาเลย มาถึงตอนนี้สภาพจิตจะกำหนดการภาวนาเองโดยอัตโนมัติ
บางท่านถ้าทำมาถึงอาจจะคิดว่าตนเองได้แค่ปฐมฌานเท่านั้น แต่ความจริงแล้วเป็นกำลังของฌาน ๔ แต่เนื่องจากว่ามีความคล่องตัวมาก สภาพจิตละเอียดมาก ทำให้เกิดอาการที่เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์จับไม่ได้ อย่างเช่นว่าชีพจรไม่เต้น ลมหายใจไม่มี แต่สภาพความละเอียดของจิตเราทำให้รู้ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ยังมีอยู่ แต่แผ่วจางจนเครื่องมือจับไม่ได้เท่านั้นเอง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-08-2015 เมื่อ 10:20
|