ดูแบบคำตอบเดียว
  #42  
เก่า 17-11-2009, 22:15
วาโยรัตนะ วาโยรัตนะ is offline
สมาชิก VIP - ผู้ได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 550
ได้ให้อนุโมทนา: 13,972
ได้รับอนุโมทนา 45,905 ครั้ง ใน 953 โพสต์
วาโยรัตนะ is on a distinguished road
Default

๒๐."สังขละบุรี (ภาคอาโปกสิณัง)"

ทัดฤทธิ์-ทิดรัตน์ : "หลวงพี่ปาน..ไปขออนุญาตหลวงพ่อสิ ผมขออนุญาตแทนพวกท่านมาหลายรอบแล้ว กลัวโดน..!"

หลวงพี่ปาน : "เดี๋ยว..หลังฉันเพลก่อน ..ผมว่าหลวงพี่นั่นแหละ ควรจะไปขออนุญาตท่าน"

ทัดฤทธิ์-ทิดรัตน์ : "หลวงพี่นั่นแหละดีแล้ว ถ้าหลวงพ่อท่านอนุญาต ผมให้พระเครื่องหนึ่งองค์ "

หลวงพี่ปาน : "อย่างนั้นผมขอพระองค์ที่ ๑๑..!"

ทัดฤทธิ์-ทิดรัตน์ : "ผมมีองค์เดียว ให้ไม่ได้หรอก..ไป ๆ หลวงพี่ท่านอื่นรอลุ้นกันอยู่นะ ว่าหลวงพ่อท่านจะอนุญาตให้ไปหรือไม่ "ตา" เป็นประกายกันทุกรูปเลย..ดูสิ.."

และแล้วหลวงพ่อท่านก็อนุญาตโดยมีหลวงพี่ปานเป็นผู้เรียนขอ

หลวงพ่อ : "ไปทั้งหมดกี่รูป ? ตอบมาไว ๆ เอาชัด ๆ แน่นอน ไปทั้งหมดกี่รูป ?"

หลวงพี่ปาน : "ทั้งหมด ๙ รูปครับหลวงพ่อ.."(ไปจริงโดดไปซะ ๑๑ รูป..!)

หลวงพ่อ : "๙ รูป...เชิญ รีบกลับมาให้ทันทำวัตรนะ.."

และแล้วการเดินทางก็ดำเนินขึ้น โดยมี "ทิดแก้ว" เป็นพลขับเหมือนเดิม เดินทางจากวัดท่าขนุนถึงเขื่อนเขาแหลมใช้เวลาประมาณ ๔๕ นาที ทิดป้อมพี่ชายของหลวงพี่ปาน จัดเตรียมเรือและน้ำมันเรือ คณะของเราช่วยค่าน้ำมันเรือไป ๘๐๐ บาท

หลังจากขึ้นเรือกันเรียบร้อย จัดสรรการนั่งเพื่อความสมดุลของน้ำหนัก แสงแดดหลังเที่ยงมันช่างร้อนระอุจริง ๆ แต่การเดินทางในครั้งนี้เราไปทางเรือ จึงรู้สึกถึงบรรยากาศว่า ช่างแตกต่างกับทางรถยนต์โดยสิ้นเชิง

บางท่านวิตกเพราะว่ายน้ำไม่เป็น โดยเฉพาะ "หลวงพี่เก้า"
"ไม่เป็นไรครับหลวงพี่..เราค่อย ๆ วิ่งไปเรื่อย ๆ" กระผมพูดให้กำลังใจทุกท่านรวมถึงหลวงพี่เก้าด้วย

หลวงพี่ปาน : "ทิดป้อม..แวะแพร้านค้า ฉันน้ำกันก่อนแล้วค่อยเดินทางต่อ.."

เสร็จธุระแล้ว เรือออกจากแพร้านค้า วิ่งตรงไปยังเป้าหมายทางทิศตะวันตก ระหว่างทางกระผมเห็น "แพปั่นไฟ" ที่ชาวบ้านเปิดไฟล่อปลาจำพวก "ปลาซิวแก้ว" ตอนกลางคืน ก่อนที่จะสาวอวนตาข่ายจับปลาที่มาเล่นแสงไฟเหล่านั้นขึ้นมา นี่ถือเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านขนานแท้ สอบถามหลวงพี่ปานท่านบอกว่า บางคืนได้ปลาซิวร่วม ๕๐ - ๖๐ กิโลกรัมต่อแพ

สองข้างตลิ่งยังมีสภาพเป็นป่าค่อนข้างสมบรูณ์ มีเกาะคือยอดเขาที่โผล่พ้นน้ำ หลวงพี่ปานท่านบอกว่า บนเกาะก็มีสัตว์จำพวกหมูป่า นก ตะกวด อยู่บ้าง สมัยท่านยังเป็นฆราวาส ถ้าหาปลาไม่ได้ก็จะขึ้นดอนขึ้นเกาะ หาของป่าเป็นรายได้เสริม

เราแล่นเรือผ่านคุ้งน้ำหลายคุ้ง ต่อหัวเสือทำรังหลายรังบนยอดไม้ที่โผล่เหนือระดับน้ำ หลวงพี่บอยเห็นแล้วแสดงสีหน้าขยาด เพราะท่านโดนต่อหัวเสือที่วัดตรงหลังโรงครัว ต่อยไปครั้งหนึ่งตอนเดินกลับมาจากบิณฑบาต

สายลมพัดเอาละอองน้ำกระเด็นมาตามทิศทางของลม หลวงพี่ตั้มเปียกไปครึ่งตัว หลวงพี่ดอย หลวงพี่นวย เข้าสมาธิเงียบหรือหลับก็ไม่แน่ใจ มองไปสุดลูกหูลูกตา ขอบฟ้ากับน้ำช่างตัดกันดีเสียเหลือเกิน

ทิดป้อมชำนาญทางมาก เรือเราแล่นมาถึงหน่วยแพกลางน้ำของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ทิดป้อมค่อย ๆ ชะลอความเร็ว พร้อม ๆ กับตะโกนแจ้งชื่อและนามสกุลของตัวเอง พร้อมจำนวนของพระทั้งหมดในเรือและรายละเอียดว่า มาจากไหน..จะไปไหน..อย่างไร เจ้าหน้าที่ก็ลงบันทึกเอาไว้

เรือคณะเราแล่นไปจนถึง "วัดวังก์วิเวการามเก่า" ส่วนของหลังคาโบสถ์ยังโผล่ขึ้นเหนือระดับน้ำ ส่วนฐานทั้งหมดจมอยู่ในน้ำ ในระดับความลึกประมาณ ๘ เมตร ยอดหอระฆังยังสมบูรณ์ อร่ามไปด้วยสีทอง มองดูเหมือนเจดีย์กลางน้ำ ทิดป้อมชะลอความเร็วลงอีกครั้ง หลวงพี่เก้า กระผม ตลอดจนทุก ๆ ท่าน ต่างตั้งจิตอธิษฐานตามแต่ที่ตนจะปรารถนา

แล้วทิดป้อมก็เร่งความเร็วขึ้นอีกครั้ง ตรงไปยัง "เจดีย์พุทธคยาจำลอง" ที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ฝนเม็ดใหญ่ ๆ ร่วงพรูลงมาเหมือนเป็นการบอกว่า เรามาถึงสังขละบุรีแล้ว

ป.ล.ยังไม่จบนะครับ

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ภาพด้านล่างซ้ายมือที่ยืน (สี่ขา) นั่นคือผู้จัดการร้านสะดวกซื้อแห่งนี้(บางแก้วซะด้วย)"
หลวงพี่ปราโมช : "เฮ้ย ๆ..อย่ากระโดดลงมานะ พระนะ..! นี่พระนะ..!"



ภาพวัดวังก์วิเวการามเก่า,พระแกะจากไม้หอมฝีมือช่างชาวพม่า...อยากได้แต่ปัจจัยไม่พอ ในสามท่านนั้นกระผมผอมที่สุด...๕๕๕๕
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 21-11-2009 เมื่อ 07:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 89 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา