ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 26-06-2015, 16:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,957 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ก็จะมากระทำกิจในอย่างที่สอง ก็คือ สายณฺเห ธมฺมเทสนํ แปลว่า ในช่วงบ่ายค่อนไปทางเย็น พระองค์ท่านก็แสดงธรรมโปรดแก่ญาติโยมทั้งหลายที่ไปฟังธรรม ลำดับต่อไปเมื่อเทศนาสั่งสอนญาติโยมเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ทำหน้าที่ต่อไปดังพระบาลีที่ว่า ปโทเส ภิกฺขุโอวาทํ แปลว่า เมื่อค่ำลงก็ให้โอวาทสั่งสอน พระภิกษุ พระภิกษุณี สามเณร สามเณรีต่าง ๆ

จนกระทั่งได้เวลาก็คือเที่ยงคืน พระบาลีกล่าวว่า อฑฺฒรตฺเต เทวปญฺหนํ เมื่อเที่ยงคืนแล้วก็ต้องแก้ปัญหาให้แก่พรหม แก่เทวดา ที่มีข้อสงสัยในหลักธรรมก็ดี ในสิ่งต่าง ๆ ก็ดี ได้มารับฟังคำแก้จากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้ได้รู้ ได้เข้าใจในสิ่งที่ถูกที่ควร ดังที่ได้กล่าวไว้ในมังคลสูตรที่เอ่ยถึง อเสวนา จ พาลานํ เป็นต้น ซึ่งเทวดาทั้งเกิดความสงสัยว่ามงคลนั้นมีอะไรบ้าง ก็ต้องไปทูลถามพระพุทธเจ้า ทำให้พระองค์ท่านต้องเสียเวลาไปอย่างน้อย ๆ ก็ประมาณ ๒ ชั่วโมง ก็แปลว่า เที่ยงคืนถึงตีสองพระองค์ท่านจะต้องคอยแก้ปัญหาของพรหม ของเทวดา


หลังจากนั้นจึงได้เวลาจำวัด ก็คือนอนพักผ่อน แล้วพุทธกิจสุดท้าย หรือว่าเป็นพุทธกิจแรกก็มาถึงก็คือ ปจฺจุสฺเสว คเต กาเล ภพฺพาภพฺเพ วิโลกนํ เมื่อใกล้รุ่ง ตีเสียว่าตีห้า พระองค์ท่านก็ลุกขึ้นตรวจดูอุปนิสัยสัตว์โลก ว่าบุคคลใดที่เสด็จไปสงเคราะห์แล้วเขาจะได้มรรคได้ผล พระองค์ท่านเมื่อทราบด้วยข่ายคือพระญาณแล้ว ก็ตั้งใจไว้ว่า เราจะเสด็จไปโปรดบุคคลนั้น ก็จะกลับเข้าสู่วงจรการทำงานรอบใหม่ ก็คือ ปุพฺพณฺเห ปิณฺฑปาตญฺจ เช้าขึ้นมาเสด็จออกบิณฑบาต เพื่อโปรดแก่ญาติโยมที่ได้เลือกเอาไว้

ก็แปลว่า พระองค์ท่านจะได้จำวัดหรือนอนพักผ่อน ก็ประมาณช่วงตีสองถึงตีห้า วันหนึ่งไม่เกินสามชั่วโมงเท่านั้น ตลอดระยะเวลา ๔๕ ปี จากอายุ ๓๕ ถึง ๘๐ ปี พระองค์ท่านทำอย่างนี้ทุกวันไม่เคยขาด องค์สมเด็จพระบรมโลกนาถของเราอาจจะทรงงานหนักเกินไป จึงมีอายุขัยแค่ ๘๐ ปีเท่านั้น เพราะว่าพระภิกษุที่ในพระไตรปิฎก
ได้กล่าวถึงไว้หลายรูปนั้นล้วนแต่มีอายุ ๑๒๐ ปี เมื่อองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงงานหนัก ถ้าเป็นภาษาชาวบ้านก็คือ เกินกำลัง ก็ทำให้พระองค์ท่านไม่ได้มีอายุขัยยืนยาวมากไปกว่านั้น องค์สมเด็จพระภควันต์จึงเสด็จดับขันธปรินิพพานในวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖ ก่อนพุทธศักราช ๑ ปี ที่สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา

เราจะได้เห็นว่า พระองค์ท่านประสูติ ก็คือเกิดในกลางป่า ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี ตรัสรู้ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม แขวงเมืองพาราณสี ในแคว้นกาสี ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖ ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี ก็แปลว่า รู้จบในป่าเช่นกัน แล้วไปปรินิพพาน ที่สาลวโนทยาน ก็คือป่าต้นสาละ เมืองกุสินารา ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖ ก่อนพ.ศ. ๑ ปี แปลว่า พระองค์ท่านก็ตายในป่า เกิดก็เกิดกลางป่า เรียนก็เรียนจบกลางป่า ตายก็ตายกลางป่าเช่นกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2015 เมื่อ 19:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 54 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา