พระอาจารย์กล่าวว่า "การบอกบุญเรี่ยไรของพระต้องมีหนังสืออนุญาต ถ้าจะให้ถูกต้องจริง ๆ นอกจากมีหนังสืออนุญาตของเจ้าคณะปกครองแล้ว ยังต้องมีหนังสืออนุญาตของตำรวจท้องที่ด้วย ถ้าไม่มีหนังสืออนุญาตของตำรวจท้องที่ อนุโลมว่าอย่างน้อยต้องมีหนังสืออนุญาตของเจ้าคณะปกครอง
ถ้าเจ้าคณะตำบลอนุญาต..เรี่ยไรได้เฉพาะตำบลนั้น เจ้าคณะอำเภออนุญาต..เรี่ยไรได้เฉพาะอำเภอนั้น เจ้าคณะจังหวัดอนุญาต..เรี่ยไรได้เฉพาะจังหวัดนั้น เจ้าคณะภาคอนุญาต..เรี่ยไรได้เฉพาะเขตภาคนั้น ไม่สามารถที่จะไปเกินอำนาจของผู้อนุญาตได้ ถ้าของที่อื่นข้ามมากรุงเทพฯ ไม่น่าจะใช่ เพราะฉะนั้น..พระแจ้งวินยาธิการให้หมดเรื่องหมดราวไปเลย
แบบเดียวกับที่เขาไปชนตอที่วัดท่าขนุน มีหนังสือขอความร่วมมือจากเจ้าคณะตำบล... มีนามบัตรเสร็จสรรพเรียบร้อย มาขอเทียนพรรษา เดี๋ยวนี้เทียนพรรษาราคาแพงมาก ขี้ผึ้งกิโลหนึ่งหลายสตางค์ ขนาดเศษขี้ผึ้งยังกิโลกรัมละ ๓๐ กว่าบาท อาตมาสงสัยจึงโทรศัพท์ถามเพื่อน ก็เรียนมาด้วยกันนี่ เขาก็บอก “เฮ้ย...เปล่านะ อะไรจะไปไกลขนาดนั้น ผมเป็นเจ้าคณะตำบล มีสิทธิ์ขอได้เฉพาะในตำบลตัวเองเท่านั้น” นี่ไปถึงทองผาภูมิ ทั้งนามบัตร ทั้งหนังสือทุกอย่าง จัดการทำมาเองเสร็จสรรพหมดเลย
ส่วนใหญ่เขาเอาเทียนไปขายกัน จะว่าไปแล้วกรุงเทพฯ นี่แหละเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ถึงเวลาได้ผ้าไตรจีวร ได้เครื่องสังฆทานมา เรียกเข้ามาขนไปเป็นคันรถ สมัยที่ผมอยู่กับหลวงปู่มหาอำพันนั่นแหละ เห็นเขาขายกันบ่อย ผมเห็นหลวงปู่ท่านทำท่าแปลก ๆ เหมือนกัน คือท่านเองไม่เห็นด้วย แต่ท่านก็ไม่รู้ว่าจะห้ามเขาอย่างไร"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2015 เมื่อ 05:41
|