เพราะฉะนั้น..เรื่องที่เราทำไม่ได้ บางครั้งอาจจะเป็นที่ครูฝึกใช้คำพูดไม่ถูกต้องก็มี ขณะเดียวกัน..บางครั้งเราเองก็วางกำลังใจสูงเกินไป ลดกำลังใจต่ำเกินไป จนไม่ตรงกับช่วงที่จะเกิดทิพจักขุญาณก็มี ถ้าตรงเสียครั้งเดียวต่อไปก็จะจำได้ ลำบากครั้งแรกครั้งเดียว
อาตมาเองตอนฝึกใหม่ ๆ ครูฝึกเขาถามว่า
ถาม : "เห็นอะไรไหม ?"
ตอบ : " ไม่เห็นครับ"
ถาม : "สว่างไหม ?"
ตอบ : "มืดครับ"
ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะครูฝึกเขาใช้คำพูดผิด ไปได้อีกครั้งตอนที่ครูฝึกเขาหมดอารมณ์ไปนอนตีพุงอยู่ที่ไหนไม่รู้ อาตมาก็ดื้อภาวนาต่อไป ปรากฏว่าครูฝึกข้างหลังเขาถามลูกศิษย์ของเขาว่า "สามารถนึกถึงพระพุทธรูปได้ไหม ? องค์ใดองค์หนึ่งที่เรารักเราชอบมากที่สุด" โอ๊ย..หวานหมูเลย ก็จับภาพพระเป็นกสิณมาตั้ง ๓ ปีเต็ม ๆ อธิบายได้ทุกรายละเอียดเลยก็ว่าได้ ก็อธิบายไป ครูฝึกข้างหลังฟังแล้วเห็นว่าบอกได้ ก็ดึงเข้าร่วมวงไปด้วย อาตมาก็ว่าไปเรื่อย ถึงได้บอกว่า แค่ครูฝึกใช้คำพูดผิดนิดเดียว เราก็อาจจะไม่สามารถที่จะทำทิพจักขุญาณได้
ส่วนอีกครั้งหนึ่ง อาตมาพาโยมแม่ไปฝึก เรื่องของคนครอบครัวเดียวกัน โดยเฉพาะผู้อาวุโสกว่า จะเป็นเวรเป็นกรรมอยู่อย่างหนึ่งว่า เราจะสอนเขายาก เครดิตไม่พอ ก็ท่านเป็นแม่เรา..ใช่ไหม ? เลี้้ยงเรามากับมือ เราจะเอาอะไรไปสอนท่าน ก็ต้องไปให้คนอื่นเขาสอน ก็ไปให้ครูพรรณีสอน
พอหายเข้าไปในห้องสักครึ่งชั่วโมง ครูพรรณีก็เดินหัวเราะออกมา บอกว่า ท่านเล็กสอนแม่อย่างไร ? ถามว่า "เกิดมาทุกข์ไหม ?" แม่บอกว่า "ไม่ทุกข์" จึงบอกไปว่า ครูถามผิด กลับไปถามแม่ใหม่ว่า "เกิดมาลำบากไหม ?" รับรองว่า ๓ ชั่วโมงท่านอธิบายไม่หมดหรอกว่าลำบากอย่างไร ครูฝึกใช้คำพูดผิดนิดเดียว ทำให้เกิดผลเสียกับลูกศิษย์ได้ขนาดนั้น
เพราะฉะนั้น..เกิดจากหลายอย่างรวมกัน อาจจะเป็นได้ว่าเพราะครูฝึกไม่ชำนาญพอ และเราเองก็ทำกำลังใจไม่ตรงร่อง ให้ใช้ความพยายามต่อไป
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2015 เมื่อ 14:14
|