ดูแบบคำตอบเดียว
  #63  
เก่า 21-02-2010, 17:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "สมัยก่อนหมาที่บ้านขึ้นต้นไม้ได้ แต่ขึ้นได้ไม่สูง พอเราเผ่นพรวดขึ้นต้นไม้ มันก็ตะกายตาม แต่ตะกายได้ไม่สูงเพราะเกาะไม่ติด เดี๋ยวก็รูดลง รู้สึกหมาสมัยใหม่นี้ก็หมดสมรรถภาพพอกัน สมัยนั้นช่วงตรุษจีนพอกินไก่เสร็จ ยกกระดูกไก่ให้หมาดู แล้วก็ขว้างเข้าไปในดงหญ้าคา หมามันกระโจนพรวดเข้าไป ไม่ถึงครึ่งนาทีก็เอาออกมากินแล้ว สมัยนี้โยนเลยหัวไปศอกเดียวก็ยังหาไม่เจอ

แสดงว่าทั้งคนทั้งสัตว์ สมรรถภาพเสื่อมเข้าไปเรื่อย ๆ ตรงนี้มาคิดถึงการปฏิบัติ เพราะว่าความแหลมคมของประสาทสัมผัสเสื่อมไปด้วย ฉะนั้น..ในเรื่องการปฏิบัติ สติ สมาธิ ปัญญา ความแหลมคมก็ลดน้อยไปเรื่อย ตามความสุขสบายที่เกิดขึ้น พระเขาจึงบังคับว่าต้องออกธุดงค์ ออกไปเพื่อให้ลำบาก ไปซื้อสัญชาตญาณเดิมกลับมา"

ถาม : แสดงว่าอยู่กับที่นาน ๆ ไม่ได้ ?
ตอบ : คนที่จะอยู่กับที่นาน ๆ ได้ ต้องเป็นอย่างท่านเจ้าคุณนรฯ คือ มีไฟอย่างสม่ำเสมอ มีวินัยในการปฏิบัติ ถ้าหากคนที่ไม่มีไฟสม่ำเสมอ ไม่มีวินัยในการปฏิบัติ อยู่กับที่นาน ๆ เสร็จทุกราย

เราจะสังเกตว่า เราไปที่ไหนใหม่ ๆ เวลากลางคืนนอนไม่ค่อยหลับหรอก ที่บอกว่านอนไม่หลับเพราะแปลกที่ จริง ๆ ไม่ใช่ เป็นเพราะที่นั้นเราไม่เคยอยู่ เราไม่มั่นใจความปลอดภัย สภาพจิตก็จะตื่นตัวของมันเอง นักปฏิบัติจริง ๆ จะต้องเอาให้ได้อย่างนั้น ก็คือ จะหลับจะตื่นต้องมีสติรู้อยู่ แต่พวกเรานี่พอเห็นว่าคืนที่สองไม่มีอะไร คืนที่สามก็กรนตั้งแต่หัวค่ำ พระธุดงค์ท่านจึงไปเรื่อย ๆ เพราะถ้าอยู่ที่เดียว เดี๋ยวก็ชินแล้วตรงนี้ สติก็คลายตัว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2012 เมื่อ 13:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา