ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 22-12-2014, 09:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,658 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default โอวาทงานบวชเนกขัมมะลอยกระทง ๖-๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๗

โอวาทช่วงงานบวชเนกขัมมะ ลอยกระทง ๖-๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๗


วันก่อนอาตมาซื้อทองไป ๖ กิโลกรัม ที่ราคาบาทละ ๑๘,๑๐๐ บาท วันต่อมาเหลือบาทละ ๑๗,๘๕๐ บาท ถามว่ารู้ไหมว่าจะลงมาขนาดนี้ ? รู้..แล้วก็รู้ว่าจะลงมากกว่านี้ด้วย แต่จะซื้อราคานี้ คือเรื่องของการซื้อขายจะมีราคาในใจของเราเองอยู่ อาตมาตั้งใจซื้อที่ ๑๘,๓๐๐ บาท ปรากฏว่ากว่าจะโทรสั่งเสร็จเหลือ ๑๘,๑๐๐ บาท ถือว่าได้กำไรบาทละ ๒๐๐ แล้ว

หลายคนเวลาปฏิบัติธรรมอยู่ในลักษณะอย่างนี้ เขาเรียกว่าคิดฟุ้งซ่านในเรื่องที่ไม่ควรคิด อาตมาเคยเปรียบเทียบว่าเราเก็บมะม่วงได้ ๕ ลูก เน่าไป ๒ ลูก ก็มานั่งเสียอกเสียใจ ไม่ได้คิดว่าที่ได้มายังเหลือดีอีกตั้ง ๓ ลูก แล้วของก็เก็บมาฟรี ๆ ไม่ได้มีอะไรเสียสักหน่อย มีแต่ได้ ในเรื่องของการปฏิบัติ เราภาวนาครั้งหนึ่งเท่ากับเราโกยบุญใส่ตัวครั้งหนึ่ง ภาวนา ๒ ครั้งโกยบุญใส่ตัว ๒ ครั้ง ภาวนาครั้งหนึ่งเดินเข้าใกล้พระนิพพานก้าวหนึ่ง ภาวนา ๒ ครั้งเดินใกล้พระนิพพาน ๒ ก้าว แต่คราวนี้ระยะทางที่ไปไกลจนประมาณไม่ได้ เราเดิน ๆ ไปแล้วอาจจะท้อว่าเมื่อไรจะถึงสักที ?

ถ้าหากว่ารู้สึกท้อให้มองกลับหลังไปดู ก่อนหน้านี้เราเป็นอย่างไร ศีล ๕ ก็ไม่มี เดี๋ยวนี้ศีล ๕ ของเราครบถ้วนสมบูรณ์ บางท่านพัฒนาไปถึงกรรมบถ ๑๐ หรือศีล ๘ แล้ว เราจะเห็นความก้าวหน้าของตัวเอง ภาษิตเขาว่า “เห็นคนอื่นขี่ม้าอย่าไปอิจฉา เราขี่ลายังดีกว่าเดินเท้า” ม้าวิ่งเร็วนี่ ลาเดินก๊อก ๆ ไปทีละก้าว ขี้เกียจขึ้นมาก็นอนเฉยเลย แต่ดีกว่าเดินเอง คนเดินเท้ายังมีอีกตั้งเยอะ

คราวนี้เรามาดูว่าการปฏิบัติของเราที่ว่าไม่ก้าวหน้า ความจริงแล้วเราก้าวหน้า เราขี่ลาอยู่ก็อย่าไปมองคนขี่ม้า ยิ่งคนขี่รถสปอร์ตเฟอรารี่ยิ่งไม่ต้องไปมองใหญ่ มองคนที่เดินตีนเปล่าอยู่ข้างหลังเรา หรือไม่ก็มองคนที่ยังนอนตีพุงอยู่ ไม่ยอมลุกเดินเลย แล้วเราจะเห็นว่า เรามีความก้าวหน้ามากกว่าเขา แบบเดียวกับหลวงปู่พระพุทธพจนวราภรณ์ วัดเจดีย์หลวง ก่อนหน้านี้ท่านอยู่วัดป่าดาราภิรมย์ หลวงปู่เจ้าคุณจันทร์ท่านบอกว่า “ยินดีในสิ่งที่ตนได้ พอใจในสิ่งที่ตนมี จะเป็นเศรษฐีในเรือนยาจก ไม่ยินดีในสิ่งที่ตนได้ ไม่พอใจในสิ่งที่ตนมี ก็เป็นแค่วณิพกในเรือนเศรษฐี”

หลวงปู่มหาอำพันท่านก็ว่า “ความไม่พอพาจนเป็นคนเข็ญ” ถ้าไม่รู้จักพอก็จนอยู่นั่นแหละ จะไปให้ใครได้ ? “พอแล้วเป็นเศรษฐีมหาศาล” รู้จักพอมีอะไรก็แบ่งปันคนอื่นเขาได้ ก็เท่ากับเรารวย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-12-2014 เมื่อ 17:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 94 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา