ดังนั้น..เราจึงควรที่จะซักซ้อมการเข้าออกในแต่ละระดับฌานให้มีความคล่องตัว คิดจะเข้าเมื่อไรก็เข้าได้ คิดจะออกเมื่อไรก็ออกได้ คิดจะเข้าฌานใดก็ได้ ถ้าสามารถทำดังนี้ได้ เราก็จะมีกำลังเพียงพอที่จะใช้ในการตัดละกิเลสต่าง ๆ
ก็ให้มาใช้ปัญญาในการพิจารณาให้เห็นว่า สภาพร่างกายของเรานั้น มีความไม่เที่ยงเป็นปกติ มีความทุกข์เป็นปกติ ไม่มีอะไรยึดถือมั่นหมายเป็นตัวตนเราเขาได้ สักแต่ว่าเป็นรูปเป็นนาม สักแต่ว่าเป็นธาตุ ๔ ที่ประกอบกันขึ้นมาชั่วคราว ให้เราได้อาศัยอยู่ตามบุญตามกรรมเท่านั้น ถ้าหากว่าสภาพจิตของเราเห็นชัดอย่างนี้ ก็จะเกิดความเบื่อหน่ายในร่างกาย ถอนจิตออกมาจากความยินดีในร่างกายของตน ถอนจิตจากการยินดีในร่างกายของผู้อื่น เราก็สามารถที่จะก้าวล่วงจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้
ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธ)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-08-2015 เมื่อ 02:42
|