ดูแบบคำตอบเดียว
  #8  
เก่า 01-02-2012, 08:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,124 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"บางคนครอบครัวอยู่ในพื้นที่ประสบภัย ก็มีความห่วงกังวลอยู่ ถามว่าจะทำอย่างไร ? ต้องบอกว่า..ให้วางกำลังใจแบบพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตอนเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ พระองค์ท่านทิ้งครอบครัว ท่านมีเมียที่สวยสุดและมีลูกที่เพิ่งจะเกิด และที่สำคัญคือ อีก ๗ วัน สมบัติพระเจ้าจักรพรรดิจะปรากฏขึ้น แต่พระองค์ท่านละทิ้งทั้งหมด ออกไปปฏิบัติธรรม เมื่อบรรลุแล้วจึงเสด็จกลับมาสงเคราะห์ โปรดพระราชบิดา โปรดพระประยูรญาติ โปรดพระนางพิมพา โปรดพระราหุล และเสด็จไปโปรดพระพุทธมารดาที่ชั้นสวรรค์ดาวดึงส์

ถ้าดูด้วยกำลังใจปกติ เราจะเห็นว่าพระองค์ก็รักครอบครัวเหมือนกัน แต่ความรักความห่วงของพระองค์ รักและห่วงตามสภาพเท่านั้น ช่วยเหลือได้แค่ไหนก็ยินดีและพอใจแค่นั้น ไม่มีการมากังวล ไม่ได้แบกเอาไว้ ในพรหมวิหารสี่มี เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ตัวอุเบกขานี่แหละ...ที่จะช่วยเราไม่ให้เครียด ไม่ให้บ้า..!

เหตุการณ์แก้ไขไม่ได้จะไปเครียดทำไม ? น้ำอยากจะท่วมก็ท่วมไป เลิกท่วมเมื่อไรก็มาแก้ไขในส่วนที่เราแก้ไขได้ จำไม่ได้ว่าใคร..ท่านบอกว่า ปัญหามีเอาไว้แก้ มีคนถามว่าแล้วถ้าเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้ ? ท่านตอบว่า ปัญหาที่แก้ไม่ได้ก็ไม่ใช่ปัญหา ถ้าเป็นปัญหาต้องแก้ได้ ในเมื่อไม่ใช่ปัญหา ก็ไม่ต้องไปยุ่ง กองไว้ตรงนั้นแหละ นี่ก็คือตัวอุเบกขาในพรหมวิหารสี่ ในเมื่อสุดความสามารถของตนแล้ว ก็ต้องปล่อยวาง และรักษาสภาพจิตใจของเราให้ผ่องใส ไม่ใช่โง่ไปคร่ำครวญ ร้องไห้ร้องห่มไปก็ไร้ประโยชน์

พระสารีบุตรพร้อมกับน้องของท่าน รวมทั้งหมด ๗ องค์ด้วยกัน เป็นพระภิกษุและพระภิกษุณีอรหันต์ทั้งหมด แต่มีแม่เป็นมิจฉาทิฐิ ช่วงท้ายพระสารีบุตรไปลาพระพุทธเจ้าเพื่อนิพพาน แล้วเดินทางกลับบ้านไปสงเคราะห์แม่ที่เป็นมิจฉาทิฐิ โดยพาน้อง ๆ และพระอีก ๕๐๐ รูปไปด้วย

แม่ไม่ยอมเชื่อว่าพระดีกว่าพรหม เพราะแม่เป็นพราหมณ์ ถือว่าพรหมเหนือกว่า พระสารีบุตรก็ไม่ว่าอะไร บอกให้แม่จัดห้องเดิมที่เคยคลอดตน ท่านตั้งใจพักห้องนั้น ตอนหัวค่ำท่านท้าวมหาราชทั้งสี่เสด็จมาเยี่ยมพระสารีบุตร รัศมีกายเทวดาสว่าง คนเป็นแม่ก็แปลกใจว่าแสงอะไร ตะโกนถามลูกว่า "จุนทะเอ๊ย..ใครมาหาพี่แก ?" พระจุนทะก็บอกว่า ท้าวมหาราชมาเยี่ยมพี่ แม่ก็คิดว่าลูกเราใหญ่กว่าท้าวมหาราชอีก แต่ยังไม่ใหญ่ไปกว่าพรหมหรอก

เวลายามสองพระอินทร์มาเยี่ยม รัศมีสว่างไปทั้งห้องเลย ถามว่า "จุนทะเอ๊ย...ใครมาอีก ?" พระจุนทะบอกว่าพระอินทร์มาเยี่ยมพี่ แม่ก็คิดว่าลูกเราใหญ่กว่าพระอินทร์อีก แต่ก็ไม่ใหญ่ไปกว่าพระพรหมหรอก จนกระทั่งยามสุดท้าย ท้าวสหัมบดีพรหมมาเยี่ยม รัศมีสว่างไปกว่าเดิมอีก ทีนี้แม่ก็ถามว่าใคร พระจุนทะก็บอกว่าท้าวสหัมบดีพรหมมาเยี่ยมพี่ แม่จึงถามว่า "นี่พี่แกใหญ่กว่าท้าวสหัมบดีพรหมอีกหรือ ?"

พระจุนทะตอบว่า ถ้าจะเปรียบไปแล้ว ท้าวสหัมบดีพรหมท่านเป็นแค่มัคคนายกเท่านั้น เพราะเป็นผู้อาราธนาพระพุทธเจ้าแสดงธรรม และพระอินทร์ก็เป็นแค่สามเณรเดินตามพระเถระ เพราะว่าถือบาตรให้พระพุทธเจ้าตอนเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ส่วนท้าวมหาราชทั้งสี่เปรียบเป็นเด็กเฝ้าวัด เพราะว่าถือพระขรรค์คอยแวดล้อม ดูแลรักษาพระพุทธเจ้า ตอนพระพุทธเจ้าอยู่วัดก็ดูแลประตูทั้งสี่ทิศให้

พอแม่ได้ยินเข้าก็เกิดความเลื่อมใสขึ้นมา กราบพระสารีบุตร ต่อว่า "พ่อคุณ..มีความดีขนาดนี้ทำไมไม่บอกแม่ ?" พระสารีบุตรได้เทศน์ถึงคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แม่จึงกลายเป็นพระโสดาบัน พระสารีบุตรก็หมดลม..ไปพระนิพพานพอดี

เรามาดูตรงจุดที่ว่า ถ้าพระสารีบุตรไม่รักไม่ห่วงแม่ ท่านจะไปสงเคราะห์แม่ทำไม ? ท่านสงเคราะห์แม้กระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต แต่ท่านรักท่านห่วงแบบบุคคลที่ทรงธรรม ก็คือทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ส่วนผลจะเป็นอย่างไรนั้นท่านไม่ได้ใส่ใจ ช่วยได้ก็ดี ช่วยไม่ได้ก็ไม่เป็นไร

เพราะฉะนั้น..ถ้าน้ำท่วมบ้านก็ไม่ต้องไปแบกบ้านไว้ หรือไม่ใช่ว่าคนอื่นเดือดร้อน โทรมาแล้วเราก็เครียดแทน จำไว้ว่า...คนเรามีบุญรักษาและมีกรรมรักษา ถ้าวาระบุญวาระกรรมยังรักษาอยู่ ทำอย่างไรก็ไม่ตาย ต่อให้ไม่มีเรา เขาก็อยู่ได้ ถ้าไม่มีเราแล้วเขาจะตาย ก็ปล่อยให้ตายไปเถอะ เราจะได้หมดภาระ..!

เมื่อเป็นดังนี้ก็ไม่ต้องไปแบกภาระของคนอื่น ถ้าเกินกำลังของตน เกินกำลังเงิน แก้ไม่ได้ก็ไม่ต้องไปเครียดให้เสียเวลา น้ำมาก็หาห่วงยางไปเล่นซะก็หมดเรื่อง น้ำลดเมื่อไรก็ล้างบ้าน ตรงไหนสีล่อนก็ทาสีใหม่ เรื่องอื่นที่ยังมาไม่ถึงไม่ต้องไปคิด น้ำแห้งเมื่อไรค่อยไปคิดอีกที คงจะบ่นว่าอาตมาใจจืดใจดำเป็นบ้าเลย..!"


สนทนาหลังทำวัตรค่ำบนศาลา
ตุลาคม ๒๕๕๔
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-10-2012 เมื่อ 13:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 223 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา