ประการที่ ๒ ที่พวกเราจะลืมไม่ได้ก็คือ แม้ว่าหลวงตาจะเป็นศิษย์รูปท้าย ๆ ของหลวงปู่มั่น ที่ยังดำรงขันธ์อยู่มาจนพวกเราสามารถทันยุคของท่าน แต่หลวงตาก็มรณภาพลงด้วยอายุ ๙๘ ปี ไม่ใช่ว่าจะอยู่ยั้งยืนยง
ถ้าหากว่าเราดูตัวอย่างย้อนไปในสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา เมื่อดำรงขันธ์อยู่มาจนถึง ๘๐ พรรษาก็เข้าสู่ปรินิพพาน พระอรหันตเจ้าต่าง ๆ ก็มีทั้งที่ปรินิพพานก่อนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างเช่นพระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตร พระปชาบดีโคตมีเถรี เป็นต้น
หรือว่าที่ปรินิพพานหลังจากพุทธกาลเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก อย่างเช่นพระอานนท์ เป็นต้น เพราะว่าพระอานนท์อยู่ต่อมาจนมีอายุ ๑๒๐ ปี จึงจะเข้าสู่พระนิพพาน แม้ว่าจะอายุยืนขนาดนั้นก็ตาม ในที่สุดทุกท่านก็ไม่สามารถที่จะฝืนกฎธรรมดาของสังขารร่างกาย ก็คือเกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง และสลายตัวไปในที่สุด
เมื่อเราเห็นแล้วว่า แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์ในสมัยพุทธกาลก็ดี ตลอดจนกระทั่งหลวงตาพระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ที่เรารู้เห็นทันท่านในยุคนี้ก็ดี ท้ายสุดทุกท่าน ก็ต่างคนต่างตายเช่นกัน ความตายต้องมาถึงเราอย่างแน่นอน โดยที่กำหนดไม่ได้ด้วยว่าเราจะตายเมื่อไร
บางท่านยังไม่ทันจะได้เกิดจากท้องแม่ก็ตายแล้ว บางท่านคลอดเคลื่อนออกมาอายุไม่กี่เดือนก็ตาย บางท่านเป็นเด็กเล็กก็ตาย บางท่านเป็นเด็กโตก็ตาย บางท่านเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วก็ตาย บางท่านตายในวัยกลางคน บางท่านก็ตายในวัยแก่
ไม่ว่าคนหรือสัตว์ ทุกรูปทุกนาม เกิดมาเท่าไรก็ตายหมดเท่านั้น ไม่มีใครที่สามารถอยู่ยั้งยืนยงได้ และเกิดใหม่อีกเมื่อไรก็เกิดมาทุกข์เท่านั้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2011 เมื่อ 05:53
|