ดูแบบคำตอบเดียว
  #24  
เก่า 09-12-2010, 22:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เรามีความรักความเมตตากับบุคคลคนหนึ่ง ก็ให้ความรักความเมตตาสงเคราะห์เขาตลอด จนถึงจุด ๆ หนึ่งที่มอบความรักความเมตตาแล้วก็เกิดความรู้สึกว่าพอแล้ว และทันทีที่เกิดความรู้สึกว่าพอแล้ว อารมณ์ใจก็เกิดความนิ่งสงัด มีอารมณ์นิ่งเรียบเหมือนเป็นเส้นตรง ไม่เกิดอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น อารมณ์ที่เกิดนี้เป็นอุเบกขาได้หรือไม่?
ตอบ : ที่ว่ามาเกิดจากสองประการด้วยกัน ประการแรก เราก้าวถึงตัวอุเบกขาในพรหมวิหาร ประการที่สอง วาระที่เนื่องด้วยกรรมหมดแล้วพอดี

บางอย่างที่เราไปทำอย่างนั้นอาจจะไม่ใช่ความเมตตา แต่เกิดจากวาระกรรมที่เราต้องไปสงเคราะห์เขา คิดให้ดี ๆ นะ ตรงนี้ต่างกันมาก ถ้าหากเป็นตัวเมตตาในพรหมวิหารจริง ๆ จะมีตัวอุเบกขากำกับอยู่เสมอ คือ สงเคราะห์เสร็จเรียบร้อยก็ตัวใครตัวมัน แต่ถ้ายังมีความผูกพันอันใดอันหนึ่งอยู่ ให้รู้เลยว่านั่นเป็นวาระกรรมมากกว่า

ดูตัวเองให้ดี ๆ ว่า ตั้งแต่ต้นที่ไปสงเคราะห์เขา พอสงเคราะห์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกครั้งเราสามารถปล่อยวาง ตัดทิ้ง ลืมไปได้เลยหรือเปล่า จนกว่าจะเจอหน้ากันใหม่และสงเคราะห์กันใหม่ไปตามวาระ ถ้าอย่างนั้นเกิดจากตัวเมตตาในพรหมวิหาร เพราะมีอุเบกขากำกับอยู่

แต่ถ้าถึงเวลาแล้วต้องไปคิดถึง พะวงอยู่ เขาจะเป็นอย่างนั้นไหม ? เขาจะเป็นอย่างนี้ไหม ? เราไม่ช่วยเขาต้องถึงตายหรือเปล่า ? ถ้าอย่างนั้นให้รู้ว่าเป็นเพราะวาระกรรมมากกว่า


ถาม : แบบนี้จะจบหรือคะ ?
ตอบ : จบไปเรื่องหนึ่ง ถ้าเคยสร้างกรรมไว้มาก เดี๋ยวก็มาอีกรอบ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-12-2010 เมื่อ 08:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา