ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 28-08-2010, 12:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,038 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พวกเราที่บวชเข้ามา เราตั้งใจจะเอาดี อย่าลืมเมื่อครู่นี้ว่า พระมหากัปปินะท่าน แม้เป็นพระอรหันต์แล้วยังไม่ทิ้งการปฏิบัติ ไม่มีพระอริยเจ้ารูปไหน ที่ก้าวถึงความเป็นพระอริยเจ้าแล้วจะทิ้งการปฏิบัติ มีแต่จะยิ่งทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป

พวกเรามีโอกาสทวนศีลอยู่ทุกวัน สี่โมงเย็นก็เปิดพระวินัย ที่สำคัญก็เรื่องของสมาธิ ในเมื่อเราทวนศีลแล้ว เรื่องของสมาธิเราจะมีความก้าวหน้าอย่างไร ?

นอกจากเราต้องฝึกหัดทำสมาธิ และรู้จักประคับประคองอารมณ์สมาธิ ให้อยู่กับเราให้นานที่สุด แล้วต้องฝึกซ้อมให้เกิดความคล่องตัวว่า จะเข้าสมาธิในระดับไหนก็ต้องได้ จะเป็นอุปจารสมาธิ** เป็นปฐมฌาน เป็นฌานสอง ฌานสาม ฌานสี่ หรือเป็นสมาบัติแปด*** เมื่อไรก็ได้ เลื่อนทีละขั้นก็ได้ สลับขั้นกันก็ต้องได้

ตรงจุดนี้เคยกล่าวไปแล้ว อยากจะให้พวกเราเพิ่มอีกส่วนคือว่า การเข้าสมาธิตามเวลา ใหม่ ๆ ไม่ต้องมาก เอาแค่สามนาที ห้านาที

เมื่อกำหนดใจว่าเราจะนั่งสมาธิ ทันทีที่หลับตาลง จิตดิ่งลงสู่สมาธิ ให้กำหนดใจไว้เลยว่า อีกห้านาทีเราถึงจะลืมตาขึ้นมา หรืออีกห้านาทีเราจะคลายสมาธิออกมา

แล้วให้จดจ่ออยู่กับการภาวนานั้น แล้วไม่ต้องไปสนใจว่า นาฬิกามันจะไปถึงไหน ก่อนหลับตาลงให้ตั้งใจดูนาฬิกาไว้ อีกห้านาทีต่อไปเข็มยาวเข็มสั้นมันจะชี้ตรงไหน ให้กำหนดจดจำไว้ในใจ แล้วลืมมันไปเลย ให้ตั้งใจอยู่กับองค์ภาวนาอย่างเดียว

จิตมันมีสภาพจำ ถ้าหากว่าเราตั้งใจไว้อย่างนั้น ถึงเวลามันจะออกมาตรงเวลาพอดี ใหม่ ๆ ก็ใกล้เคียง แต่ถ้านานไปมันจะตรงเวลา แล้วเราค่อยเพิ่มเวลาขึ้น เป็นสิบนาที สิบห้านาที ครึ่งชั่วโมง หนึ่งชั่วโมง แล้วแต่เราจะกำหนด

ถ้าหากว่าคล่องตัวมาก ๆ จะเอาสักสามวันเจ็ดวันก็ได้ ถ้าไม่ถึงเวลาจิตของเราจะไม่ถอนออกมา ถ้าเราซ้อมตรงนี้จนคล่อง เราตั้งใจไว้เท่าไรก็จะทำได้เท่านั้น ส่วนที่เหลือเราจะได้ไปทำงานทำการของเราตามปกติได้ โดยประคองรักษาอารมณ์ กำหนดสติรู้ไว้กับองค์ภาวนาเท่านั้น ถึงเวลาเราจะพัก เราก็ตัดเข้าไปหาอารมณ์ฌานที่เราต้องการเลย แล้วอีกห้านาที สิบนาทีเราค่อยออกมา


หมายเหตุ :
** วิสุทฺธิ. ๑/๑๕๐ ; ๒/๑๙๔ : ม.มู. ๑๒๑๐๒/๗๒
*** ที.ปา. ๑๑/๒๓๕/๒๓๕ : สํ.สฬ. ๑๘/๕๑๙/๓๒๖ : ขุ.ปฏิ. ๓๑/๖๐/๓๔
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-08-2010 เมื่อ 02:48
สมาชิก 80 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา