ดูแบบคำตอบเดียว
  #14  
เก่า 23-11-2013, 08:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,234 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ฉะนั้น ๑๘ ปีกับ ๔ คำถาม โยมต้องเข้าใจว่าอาตมาเป็นคนค่อนข้างรั้น ถ้าคนอื่น ๑๐ นิ้วเท่ากันแล้วทำได้ เราต้องทำได้ด้วย ถ้าคนอื่นทำได้ เราทำได้ เราต้องให้ได้ดีกว่าด้วย เพราะฉะนั้น..จะเป็นคนที่ทำไม่ได้ให้รู้กันไป หรือไม่ได้ให้ตายไปเลย ในเมื่อเป็นดังนี้ก็จะดื้อทำไปเรื่อย เพราะว่าที่ทำผ่าน ๆ มาตามที่หลวงพ่อท่านบอก ทุกขั้นตอนเป็นเช่นนั้น เพราะฉะนั้น...ตรงนี้ที่เรายังไม่ผ่าน ก็แปลว่าต้องเป็นเช่นนั้น นี่คือความเชื่อมั่นในครูบาอาจารย์ แต่ตัวเองอาจจะปัญญาไม่ถึง สมาธิยังไม่เพียงพอ ทำให้เราก้าวไม่พ้นตรงจุดนี้

บางอย่างติดอยู่ ๒ - ๓ ปี แต่จะเบื่อไม่ได้ จะหน่ายไม่ได้ ต้องย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำแล้วทำอีก จนกว่าจะกำลังเพียงพอแล้วก้าวข้ามตรงจุดนั้นไป ฉะนั้น..การปฏิบัติของพวกเรา ถ้าถามว่าจะเอาใครเป็นครู ตำราเป็นครูได้ เพียงแต่ว่าทำให้จริง แล้วถึงเวลาเราจะรู้เองว่า สิ่งที่ตำราเขียนไว้นั้นคืออะไร เพราะว่าการปฏิบัตินั้น เมื่อทำไปแล้วจะเป็นปัจจัตตัง คือความรู้เฉพาะตน อธิบายเป็นภาษาพูดหรือภาษาหนังสือไม่ได้ ภาษาพูดหรือภาษาหนังสือหยาบเกินไปที่จะอธิบายอารมณ์ธรรมที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง

แค่ในส่วนของปฐมฌาน บอกว่าจะเกิดความสุขอย่างไม่เคยมีมาก่อน เราก็ไม่สามารถจะบอกได้แล้วว่าสุขแบบไหน อาตมาได้แต่เปรียบเทียบหยาบ ๆ ว่าคนเราโดนไฟใหญ่ ๔ กองคือ รัก โลภ โกรธ หลงเผาอยู่ตลอดเวลา ต้องดิ้นรนเร่าร้อนทุกข์ยากอยู่ตลอดเวลา ทันทีที่สมาธิทรงถึงระดับอุปจารฌานขั้นปลายเกือบจะเป็นปฐมฌานแล้ว กำลังสมาธิจะกดไฟใหญ่ ๔ กองคือ รัก โลภ โกรธ หลงให้ดับลงชั่วคราว คนที่โดนไฟเผาอยู่ตลอดเวลา อยู่ ๆ ไฟดับลง มีความสุขแบบไหนอธิบายเป็นภาษามนุษย์ไม่ได้หรอก ต้องทำให้ถึงเอง

นี่คือตัวอย่างที่ยกให้แค่นิดเดียวเท่านั้นว่า ในเรื่องของการปฏิบัติถ้าเราทำจริง ถึงเวลาจะรู้ว่าสิ่งที่ครูบาอาจารย์พูดหรือว่าท่านเขียนเอาไว้ในตำรานั้นคืออะไร เพราะสิ่งที่ท่านพูดหรือท่านเขียนเป็นส่วนที่หยาบมากอยู่ หลวงพ่อวัดท่าซุงอธิบายได้ละเอียดที่สุดแล้ว ง่ายที่สุดแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่ทั้งหมดของอารมณ์ปฏิบัติที่เป็นกำลังใจที่แท้จริงในตอนนั้น ฉะนั้น..การที่พวกเราถึงเวลาปฏิบัติไป ๆ แล้วอ๋อ..ขึ้นมา ที่ทางญี่ปุ่นเขาเรียกว่าซาโตริ ก็คือการที่เข้าถึงในบางส่วนของหลักธรรมที่เราปฏิบัติอยู่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2013 เมื่อ 18:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 75 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา