ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 25-07-2019, 21:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ซึ่งความจริงนิวรณ์ทั้ง ๕ อย่างนั้นละง่ายมาก แค่เราเอาความรู้สึกทั้งหมดไว้ที่ลมหายใจเข้า-ลมหายใจออก นิวรณ์ก็เกิดไม่ได้แล้ว อีกส่วนหนึ่งก็คือ เราต้องเป็นคนที่จริงจังจริงใจต่อการปฏิบัติ เรียกว่าต้องถึงพร้อมด้วยสัจจะ เมื่อถึงเวลาแล้วไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะดึงเราให้ไปจากการปฏิบัติได้ แม้จะด้วยเหตุแห่งชีวิตก็ตาม

หลังจากนั้นก็ให้ท่านทั้งหลายตั้งใจแผ่เมตตาไปสู่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ตั้งกำลังใจว่า เราไม่เป็นศัตรูกับใคร เรายินดีเป็นมิตรกับคนและสัตว์ทั่วโลก กำหนดใจด้วยความหวังดีปรารถนาดีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกภพทุกภูมิทุกหมู่ทุกเหล่า ท่านที่ตกอยู่ในกองทุกข์ ขอให้พ้นจากความทุกข์ ท่านที่อยู่ดีมีสุข ขอให้มีความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป

เมื่อกำลังใจของเราเยือกเย็น มั่นคงทรงตัวจากการแผ่เมตตาแล้ว ค่อยจับลมหายใจเข้าออกภาวนาต่อไป ถ้าท่านสามารถทำได้ดังที่กล่าวมาทั้งสี่ข้อ กำลังใจของท่านก็มีโอกาสที่จะทรงเป็นอัปปนาสมาธิได้ ก็คือสมาธิแนบแน่นถึงระดับตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไป ซึ่งเป็นส่วนที่เราท่านทั้งหลายต้องพึงปรารถนาไว้ เพราะว่าเป็นกำลังในการตัดละกิเลส

ถ้าต้องการเป็นพระโสดาบันหรือสกทาคามี ก็ต้องทรงปฐมฌานละเอียดให้ได้เป็นอย่างน้อย และถ้าหากว่าต้องการพระอนาคามีหรือความเป็นพระอรหันต์ ก็ต้องทรงฌานสี่ให้ได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว กำลังของท่านทั้งหลายจะไม่เพียงพอต่อการตัดกิเลสในระดับชั้นนั้น ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-07-2019 เมื่อ 13:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา