ดูแบบคำตอบเดียว
  #11  
เก่า 30-08-2022, 10:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,575
ได้ให้อนุโมทนา: 151,708
ได้รับอนุโมทนา 4,411,151 ครั้ง ใน 34,165 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ย้อนกลับมาใหม่ ลืมไปแล้วใช่ไหมว่าเราคุยกันเรื่องศีล ? ไปซะไกลเชียว ทบทวนศีลทุกวัน การที่เราตั้งสติคอยระมัดระวังไม่ให้ละเมิดศีล โดยเฉพาะพระ ที่ศีลมีเป็นจำนวนมาก สติต้องสมบูรณ์พร้อม แรก ๆ ก็เครียดแทบตายทั้งนั้น อาตมาเองก็เครียด ไป ๆ มา ๆ ก็เริ่มปรับตัวได้ พอสติมากขึ้น ขยับตัวปุ๊บ รู้เลยว่าศีลจะขาดไหม ?

เมื่อมีสติระมัดระวังอยู่ ทำให้สมาธิเกิดได้ง่าย บาลีถึงได้ใช้คำว่า สีลปริภาวิโต สมาธิ มหปฺผโล โหติ มหานิสํโส อานิสงส์ใหญ่ของการระมัดระวังศีลนั้น ผลใหญ่ได้แก่ สมาธิจะเจริญ ดังนั้น...พวกเราระมัดระวังศีล เท่ากับทำสมาธิไปในตัว แรก ๆ ก็ระมัดระวังกันเอาไว้

เมื่อสมาธิทรงตัว สิ่งสำคัญที่สุดคือรักษาระดับไว้ พวกเราส่วนใหญ่ไม่เคยรักษา เลิกก็ทิ้งหมดเลย แล้วทำไปทำไมวะ..!? เราต้องพากเพียรพยายามขนาดไหน กว่าที่จิตจะสงบผ่องใสได้ เหนื่อยยากขนาดนั้น ลุกขึ้นปุ๊บ สะบัดพรืด เกลี้ยงเลย..! ไม่ได้คิดที่จะรักษาอะไรเอาไว้แม้แต่นิดเดียว หลวงพ่อชาท่านบอกว่า "ตักน้ำรดหลังหมา" ตักน้ำรดหัวตอ ถึงจะไม่งอก แต่ก็ยังเปียก ตักน้ำรดหลังหมา หมาสะบัดพรืดเดียว หมดเกลี้ยงเลย..!

การปฏิบัติธรรมเป็นการทวนกระแสโลก การทวนกระแสก็เหมือนกับการว่ายทวนน้ำ พอเราว่ายมาถึงระดับที่ตัวเองพอใจ แล้วก็ปล่อยลอยตามน้ำไปเลย แล้วจะว่ายมาทำอะไร ? ก็แปลว่าเราต้องประคับประคองรักษาระดับเอาไว้ ไม่เช่นนั้นแล้วพอถึงเวลาเราว่ายทวนน้ำมา แล้วก็ปล่อยไหลตามน้ำไป ถึงเวลาก็ว่ายทวนน้ำใหม่ ปล่อยไหลทวนน้ำไปอีก ขยันมาก ทำงานทุกวัน แต่ผลงานไม่มีเลย ทำไปกี่ปีก็ไม่มีผล แล้วก็ท้อใจว่า ทำไมเราทำแล้วไม่ได้เรื่องสักที ก็เพราะว่าทำแล้วไม่รักษาระดับเอาไว้ ไม่ต้องไปโทษใคร เราทำตัวเราเอง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 30-08-2022 เมื่อ 13:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน