ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 22-06-2017, 16:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,805 ครั้ง ใน 34,093 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น การปฏิบัติของพวกเราทั้งหลาย เมื่ออารมณ์ใจทรงตัวแล้ว สิ่งที่ควรจะตัดจะละให้เร็วที่สุดก็คือ ให้เลี้ยวเข้าหาอารมณ์พระโสดาบัน พยายามยึดถือและปฏิบัติตามให้เคยชิน เมื่อท่านใดที่ปฏิบัติจนชินแล้ว จะเพิ่มรายละเอียดไปรักษากรรมบถ ๑๐ แทนศีล ๕ ก็ได้ เพื่อเป็นการตอกย้ำความแน่นอนของอารมณ์พระอริยเจ้าให้มั่นคงยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ถ้าเราทำในลักษณะอย่างนี้ทุกวัน ๆ ไม่ต้องมาก ให้อารมณ์ใจทรงตัวตอนช่วงเช้าสัก ๕ นาที ๑๐ นาที ในอารมณ์พระโสดาบัน ก่อนนอนรักษาอารมณ์ใจให้ทรงตัว ๕ นาที ๑๐ นาที ในอารมณ์ของความเป็นพระโสดาบัน ถ้าทำได้แบบนี้ทุกวัน ตายเมื่อไรท่านจะได้เป็นพระโสดาบันจริง ๆ

จริง ๆ แล้วหลักการปฏิบัติเพื่อมรรคเพื่อผล เพื่อความพ้นทุกข์นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ยาก เพียงแต่ว่าบุคคลที่รู้กฎรู้กติกานั้นมีน้อย แล้วบุคคลที่รู้ส่วนหนึ่งก็ยังมัวแต่ไปฝึกในเรื่องของฤทธิ์ เรื่องของอภิญญาอยู่ อภิญญา แปลว่า รู้ยิ่ง อภิ คือ ยิ่งกว่า อัญญา คือ ความรู้ ความรู้ที่ยิ่งกว่าคนทั่ว ๆ ไป

ในความรู้สึกของอาตมานั้น คำว่าอภิญญาที่จริงแล้วก็คืออารมณ์ความเป็นพระอริยเจ้า เพราะความรู้อะไรก็ไม่มีคุณค่าเท่ากับความรู้ในการก้าวพ้นจากกองทุกข์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2017 เมื่อ 17:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา