ดูแบบคำตอบเดียว
  #490  
เก่า 02-07-2020, 21:59
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,554 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

บันทึกคำนิมิตฝัน

ขอยกนิมิตที่องค์ท่านบันทึกไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๔ ดังนี้
“... คืนวันที่ ๒๓ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๐๔ ตรงกับขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๒ วันพุธ เวลา ๒๓.๐๐ น. ดังนี้


ขณะนั้นปรากฏว่า เราอยู่วัดแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในป่าเปลี่ยวมาก ห่างจากบ้านไม่มีประมาณ อยู่กับสามเณร ๓ องค์ ไม่รู้จักนาม คล้ายกับว่าเณรอยู่ในวัดของเราขณะนี้ เวลานั้นเป็นเวลาเที่ยงคืนตรง เราพาเณรทำธุระอยู่หน้ากุฏี (กุฏิ) ห่างจากกุฏีประมาณ ๑๐ วาหลวงพอดี เสร็จแล้วล้างมืออยู่ที่หน้ากุฏีนั้นด้วยกัน พอต่างล้างมือเสร็จแล้วเราขึ้นไปกุฏีก่อนเณรทั้งสาม

กุฏีนั้นปรากฏว่าเป็นกุฏี ๒ ชั้น พอเราขึ้นไปถึงกุฏีชั้นบน ปรากฏว่ากุฏีชั้นบนนั้น.. บานประตูเปิดอยู่ก่อนแล้ว แต่เราไม่ได้นึกสงสัยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น จึงตรงเข้าไปในห้องกุฏี พอเข้าไปในห้องปรากฏในสายตาตรงประตูด้านตะวันตก ซึ่งเปิดบานอยู่แล้วเช่นกัน ก็ปรากฏเห็นรูปบุรุษคนหนึ่ง เดินผ่านหน้าประตูแวบเดียวด้วยความเร็วของเขา จึงนึกสงสัยว่าจะเป็นคนชนิดไร ขึ้นมากุฏีในกลางคืนซึ่งเป็นยามดึก ก็รีบสอดสายตาดักฟากมุมเสาตรงประตูด้านหนึ่ง ก็พอดีสายตาไปสบกับบุรุษนั้น ซึ่งลอบ ๆ มอง ๆ เข้ามาข้างในห้องที่เราอยู่

พอเราทราบว่าเป็นผู้ร้าย แน่ในใจแล้ว ทันใดนั้นเขาก็ตรงเข้ามาถึงตัวเราทันที แต่ไม่ได้จับต้องกายของเราแต่อย่างใด เป็นแต่นั่งใกล้ชิดเรามาก แม้เราเองในขณะนั้น ก็ปรากฏว่านั่งกระโหย่งเช่นเดียวกับเขา แล้วจึงถามเขาว่า ‘เข้ามาทำไมกัน’

เขาก็ตอบทันที พร้อมทั้งมือข้างขวาก็ถือปืนสั้นทำท่าขู่เราอยู่ว่า ‘มาฆ่าท่านนั่นเอง’

แล้วเราก็ถามซ้อนอีกว่า ‘จะฆ่าอาตมาทำไม อาตมามีความผิดอะไร หรือท่านต้องการสิ่งของอะไรซึ่งมีอยู่ภายในกุฏี ก็เชิญถือเอาไปตามต้องการ จะมาฆ่าอาตมาเอาประโยชน์อะไรล่า ?’

เขาก็ตอบว่า ‘เมื่อท่านยังอยู่.. จะทำประโยชน์แก่พระศาสนามาก ใคร ๆ เขาก็นับถือท่านมากจนลือกระฉ่อนไปหมดแล้วเวลานี้ เฉพาะอย่างยิ่งหนังสือ “ปัญญาอบรมสมาธิ” ที่ท่านแต่งพิมพ์ไปแล้ว รู้สึกว่าคนสนใจและชอบมากจริง ๆ กำลังจะเป็นหนังสือตัวแทนของท่าน และเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว ถ้าหากว่าฝืนให้ท่านยังมีชีวิตอยู่ต่อไป ศาสนาจะเจริญขึ้นมาก คล้าย ๆ กับสมัยพระพุทธเจ้ายังอยู่และทรงประกาศศาสนาเอง ฉะนั้นผมเห็นเหตุนี้เองจึงจะรีบมาฆ่าท่านเสีย ศาสนาจะได้เสื่อมโทรมไป คนจะได้มืดมนหลงอยู่ในโลกนี้เป็นเวลานาน ๆ ผมนี้คือพญามาร เคยทำลายพระศาสนาและฆ่าพระมามากแล้ว’

ดังนี้ พอพูดกันจบลงเพียงนี้ ก็ปรากฏสามเณรทั้ง ๓ ขึ้นมา บุรุษคนนั้นไม่เห็นมีอาการสนใจอะไรกับเณร นอกจากคุมเชิงกับเราอยู่เท่านั้น เณรก็ไม่อาจพูดอะไรเช่นกันเพราะกลัวเขา ต่อจากนั้น เราก็พูดกับเขาอีกว่า ‘การที่ท่านมาที่นี่ ประสงค์จะฆ่าเราคนเดียวเท่านั้น ไม่ประสงค์อย่างอื่นใช่ไหม’ เขาตอบว่า ‘ใช่’

ถ้าเช่นนั้น เราขอกราบพระ สวดมนต์ และอำลาพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ก่อน เสร็จแล้วค่อยฆ่า เราไม่หนีไปไหนหรอก’ เขาก็ยอมให้ทำ

พอเสร็จแล้ว เราก็เริ่มสั่งเณรว่า ‘เราจะตาย นับแต่ขณะนี้เป็นนาทีสุดท้าย’ เณรก็ทราบอาการจะตายของเราทันที เพราะตัวเหตุผู้จะฆ่าก็นั่งรออยู่แล้ว พวกเณรเห็นถนัดทุกองค์ แต่ไม่กล้าพูดอะไรเพราะกลัวเขา จากนั้นเขาก็เริ่มเอาปืนจ่อเข้าตรงหน้าอกเรา เราเองไม่ปรากฏว่ามีความหวั่นไหวแม้แต่น้อย มีน้ำใจองอาจกล้าหาญจนวินาทีสุดท้าย ขณะที่เขายิงเรานั้นปรากฏเสียว ๆ ร้อน ๆ ที่ทรวงอกแพล็บ ๆ สองครั้ง ในขณะเดียวกันก็ปรากฏขึ้นเป็นคำว่า อรหํ – สวากฺขาโต – สุปฏิปนฺโนฯ ภายในใจอย่างแจ้งชัด โดยที่เรามิได้ว่า แต่เป็นคำปรากฏขึ้นมาเอง

พอเขาทราบว่าเราตายแล้ว เขาก็พาเณรลงจากกุฏีจะรีบหนี พอลงไปถึงหน้ากุฏี ก็มีคนจำนวนมากมารุมจับเขามัดคอไว้อย่างแน่น ตัวเราเองที่เข้าใจว่าเขาฆ่าตายแล้ว ก็มีความรู้สึกอันหนึ่งซึ่งเหมือนยังไม่ตาย แล้วเดินเข้าไปในบ้าน ผ่านบ้านออกไปทางทิศเหนือ โดยรำพึงในใจว่า
‘การนิพพานเป็นอย่างนั้น โดยไม่มีความทุกข์ร้อนอะไรเลย แม้แต่ขณะจะตาย ในเวลาเขาฆ่าก็ไม่มีอาการเจ็บปวด ตายแล้วก็ไม่ทุกข์ สบายเช่นเดียวกับยังมีชีวิตอยู่’


กำลังเดินรำพึงอยู่อย่างนี้ ก็พอดีบุรุษนั้นวิ่งตามมาทัน แล้วกระโดดเข้าสวมกอดเราทันที เราก็รีบถามเขาอีกทันทีว่า ‘มาสวมกอดเราทำไม’ ตอบว่า ‘มาอาศัยท่าน เขาจะรุมฆ่าผม ผมไม่มีที่พึ่งแล้ว ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของผมด้วย’

เราจึงตอบเขาว่า ‘เวลาเป็นอยู่เห็นเราเป็นข้าศึก เวลาจะตายก็วิ่งมาพึ่ง นี่สมชื่อว่ามารเอาเสียจริง ๆ มารกับอสรพิษเป็นสัตว์ประเภทเดียวกัน ไม่รู้จักบุญคุณของใครทั้งนั้น รู้จักแต่ทำลายโดยถ่ายเดียว’

เขาไม่ตอบว่าอะไร นอกจากกอดรัดเราไว้ ทั้งกลัวเขาจะมาฆ่าจนตัวสั่นริก ๆ ไปเท่านั้น นิมิตมาถึงนี้ก็พอดีรู้สึกตัวตื่นขึ้น จึงทราบว่านิมิตฝันไป จึงรีบบันทึกไว้ในขณะนั้นนั่นเอง...”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-07-2020 เมื่อ 01:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา