ดูแบบคำตอบเดียว
  #71  
เก่า 15-08-2019, 21:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,074 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"คราวนี้สิ่งที่ปิปผลิมาณพหรือพระมหากัสสปะกับนางภัททกาปิลานีมองเห็น คนส่วนใหญ่ในโลกนี้มองไม่เห็น ท่านหลุดพ้นเป็นพระอรหันต์ พวกเราไม่หลุดพ้นเพราะว่าเรามองไม่เห็นทุกข์เห็นโทษ ไม่เกิดความเบื่อหน่ายอย่างท่าน

อาตมาเองพอเห็นคู่บ่าวสาวคู่นั้นแล้วคิดว่า ธรรมดาของโลกเป็นอย่างนี้ เขาเห็นความทุกข์เป็นความสุข เห็นความไม่เที่ยงเป็นความเที่ยง เห็นความไม่ใช่ตัวตนเป็นตัวตน ก็เลยเดินบิณฑบาตไปปลงอนิจจังไป ยังคงเป็นภาระที่เราต้องเหนื่อยอีกมาก กว่าที่จะชี้แจงให้เขาเห็นแบบเดียวกันได้

ไปนึกถึงที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ทรงเกิดความขวนขวายน้อย ไม่อยากจะแสดงธรรม เพราะเห็นว่าหลักธรรมนี้ลึกซึ้งมาก ยากที่ปุถุชนจะเข้าถึงได้ (ปุถุชนคำนี้แปลว่าผู้หนาด้วยกิเลส) ท้าวสหัมบดีพรหมพอทราบดำริก็ตกใจว่า มนุษย์โลกทั้งหลายจะฉิบหายจากความดีเสียแล้ว จึงลงมากราบทูลอาราธนาให้พระพุทธเจ้าแสดงธรรม โดยใช้คำว่า สัตว์โลกที่ธุลีในดวงตาน้อยนั้นมีอยู่ อาจรู้ทั่วถึงธรรมของพระองค์ได้ ขอให้พระองค์ได้โปรดแสดงธรรมเถิดพระเจ้าข้า

พระพุทธเจ้าถึงได้รับอาราธนา แล้วก็ตรัสสอนสัตว์โลกมาตลอด ๔๕ ปีเต็มจนปรินิพพาน เพราะฉะนั้น...ส่วนใหญ่คำว่า วิปลาส ที่แปลว่าเห็นผิดไปจากความจริง มีทิฏฐิวิปลาส...เห็นผิด จิตวิปลาส...คิดผิด จิตวิปลาสนี่เราถือว่าบ้าแน่ ๆ ในบาลีมีความหมายแค่คิดผิด คิดเห็นว่าสิ่งนี้เป็นความสุข คิดเห็นว่าสิ่งนี้เที่ยงแท้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-08-2019 เมื่อ 01:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา