สำหรับญาติโยมทั้งหลายแล้ว ในเรื่องของกสิณนั้นถ้ารู้สึกว่ายาก เราก็เปลี่ยนมาใช้ภาพพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่เรารักเราชอบมากที่สุดแทน เพราะว่าการกำหนดภาพพระพุทธรูป ก็คือการกำหนดภาพกสิณนั่นเอง จะเอาภาพพระพุทธรูปเป็นสีขาว สีเหลือง สีแดงเพื่อเป็นวรรณกสิณก็ได้
จะแยกพระพุทธรูปเป็น ๑-๒-๓-๔ องค์ หรือว่ารวมกลับเข้ามาเป็น ๔-๓-๒-๑ แทนก็ได้ ท้ายสุดก็กำหนดว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่บนพระนิพพาน เราเห็นพระองค์ท่านคือเราอยู่ใกล้พระองค์ท่าน เราอยู่ใกล้พระองค์ท่านคือเราอยู่บนพระนิพพาน ตั้งใจกำหนดใจว่าถ้าหมดอายุขัยตายลงไปก็ดี หรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ ถึงแก่ชีวิตก็ตาม เราขอมาอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระนิพพานนี้แห่งเดียว
หลังจากนั้นถ้ามีลมหายใจอยู่ก็ตามดูลมหายใจเข้าออก ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ก็กำหนดรู้คำภาวนาไป ถ้าลมหายใจเบาลง ก็กำหนดรู้ว่าลมหายใจเบาลง ถ้าลมหายใจหายไป คำภาวนาหายไป ก็ให้กำหนดรู้ว่าลมหายใจหายไป คำภาวนาหายไป อย่าไปดิ้นรนกลับมาหายใจใหม่ และอย่าพยายามบังคับให้เข้าไปอยู่ในสภาพอย่างนั้น เรามีหน้าที่ตามดูตามรู้ในระหว่างภาวนาเท่านั้น ส่วนอารมณ์ใจที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร ทางร่างกายมีสภาพอย่างไรอย่าไปสนใจ
อันดับต่อไปก็ให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๐
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธ)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-12-2017 เมื่อ 14:53
|