"...การที่ได้ลาไปป่วย มีบางตอนก็เรียกได้ว่าไปแดนสนธยา ก็เลยทำให้มีเวลาคิดอะไรบ้างเหมือนกัน แต่การที่ป่วยนั้นก็ได้ทราบว่าทุกคนได้มีความเป็นห่วง ก็เลยปลื้มใจ และที่ทราบดีก็โดยที่ได้รับดอกไม้ก็ตาม หรือสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะทำให้เตือนว่ามีคนเขาคิดถึง เช่นนี้ทำให้มีกำลังใจที่จะต่อสู้กับความเจ็บป่วย
บางทีก็เกิดคิดไม่ดีเหมือนกันว่าที่ส่งดอกไม้มานั้นก็เป็นตามแบบฟอร์ม คือรู้ว่าป่วยก็ต้องส่งมา บางทีก็นึกอย่างนั้น แต่เมื่อเห็นว่าส่งมาด้วยความตั้งใจจริง ๆ หรือแม้จะไม่ได้ส่งแต่รับทราบและเป็นห่วงอย่างแท้จริง ก็ทราบดีว่าความเป็นห่วงนั้นมีจริง และทำให้มีกำลังใจ
เมื่อเร็ว ๆ ที่สุดนี้ที่เป็นข้อพิสูจน์ว่าเขาได้ดูได้สังเกตว่าความเป็นอยู่เป็นอย่างไร ว่าป่วยหรือไม่ป่วย จริงหรือไม่จริง ป่วยมากหรือไม่มาก ก็ได้มาจากการที่ราษฎรในที่ทุรกันดาร ไกลมากในตำบลที่ในภาคอีสาน ที่สกลนคร เขาฝากบอกมาว่าเขาเป็นห่วง และเขาได้ทราบได้เห็นว่าป่วยนั้น เขาก็เลยมีทุกข์หลาย แต่ที่เป็นข้อพิสูจน์ว่าเขาได้ดูจริง ๆ ว่าเป็นหรือไม่เป็น เขาบอกว่าเดี๋ยวนี้ดูตุ้ยขึ้น ก็แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่ว่าฟังคำบอกเล่าว่าป่วย แล้วก็คงแย่ เขาจึงต้องเป็นห่วง
แต่เขาก็ดูว่าเป็นอย่างไร เขาสังเกตสังกาทุกอิริยาบถ อย่างที่ออกทีวีเดินในศาลาดุสิดาลัยนี้เอง ก็มีคนต่อว่าคณะแพทย์ว่าทำไมให้เดินเร็วนัก ก็เป็นการแสดงว่าคนเขาเอาใจใส่และเป็นห่วง อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญคือความจริงใจ ความห่วงใยซึ่งกันและกัน นี่เป็นสิ่งที่ทำให้คนเราอยู่ได้ ถ้าไม่มีความห่วงใยซึ่งกันและกัน ไม่มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันก็อยู่กันไม่ได้..."
|