ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 19-02-2010, 09:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนอย่างต่อไปก็คือ ทำขาด นี่ถือว่าเป็นเรื่องปกติของพวกเรา เพราะว่าเรายังเป็นปุถุชนอยู่ กำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญายังมีน้อย ไม่สามารถจะควบคุมสมาธิให้ตั้งมั่นอยู่เฉพาะหน้าได้นาน ๆ ใน ๒๔ ชั่วโมง เรามักจะโดนนิวรณ์ ๕ บ้าง รัก โลภ โกรธ หลงบ้าง เบียดเบียนเข้ามาช่วงชิงพื้นที่ของกำลังใจที่ดีเสียเกือบหมด พูดง่าย ๆ ก็คือว่า ๒๔ ชั่วโมงจะเอาดีสักชั่วโมงก็แสนยาก

แต่ว่าความดีนั้นไม่ได้ไปไหน สมมติว่า ๒๔ ชั่วโมง เราทำดีได้หนึ่งชั่วโมง ความดีนั้นก็ทรงตัวอยู่ รุ่งขึ้นทำได้อีกชั่วโมงหนึ่ง ความดีก็ทรงตัวรวมเป็นสองชั่วโมง ค่อย ๆ สะสมไปทีละเล็กละน้อยดังนี้ ถ้าหากว่าเราใช้ความเพียรที่พยายามสม่ำเสมอ ทำทุกวัน ไม่มีการทิ้ง กำลังใจนี้จะค่อย ๆ สะสมมากขึ้น ๆ จนท้ายสุดก็พอใช้งานในการตัดกิเลสได้

ส่วนข้อสุดท้ายที่ว่า ทำแล้วรักษาอารมณ์ใจเอาไว้ไม่ได้ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วพวกเราไม่รู้ ปฏิบัติไปแล้วเมื่อเลิกจากการปฏิบัติก็ทิ้ง ไม่ได้ประคับประคองรักษาอารมณ์นั้นเอาไว้ได้อย่างตอนที่ปฏิบัติอยู่ เมื่อเป็นดังนั้น กำลังใจของเราก็จะไหลตามกิเลสไป กว่าจะทวนกระแสขึ้นมาใหม่ก็ยาก จึงเป็นเหตุให้ไม่มีความก้าวหน้าเกิดขึ้น

วิธีที่จะแก้ก็คือ ต้องใช้กำลังใจจดจ่ออยู่เฉพาะหน้า ประคองรักษาอารมณ์ที่เราทำได้ ให้ทรงตัวตั้งมั่นเหมือนอย่างกับเวลาที่เรานั่งนิ่ง ๆ อยู่ แต่ว่าตอนนี้เราจะยืน จะเดิน จะนอน จะนั่งอย่างไรก็ตาม กำลังใจต้องทรงตัวให้ได้เท่ากับตอนที่นั่งสมาธิ


ถ้าถามว่าแล้วมีข้อสังเกตอย่างไรว่ากำลังใจทรงตัว ? บุคคลที่กำลังใจทรงตัวนั้น นิวรณ์ ๕ ก็คือ กามฉันทะ ความยินดีในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย และสัมผัสระหว่างเพศ ไม่สามารถจะกินใจได้ พยาบาท ความโกรธเกลียดอาฆาตแค้นคนอื่น ไม่สามารถจะกินใจของเราได้ ถีนมิทธะ ความห่วงเหงาหาวนอน ความขี้เกียจปฏิบัติ ไม่สามารถจะเข้ามายึดครองจิตใจของเราได้ อุทธัจจะ ความฟุ้งซ่าน ไม่สามารถจะเข้ามายึดครองใจของเราได้ และวิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในการปฏิบัติ ไม่สามารถจะยึดครองใจของเราได้

ถ้าเป็นดังนี้ก็แปลว่ากำลังใจของเราทรงตัว เราก็ประคับประคองกำลังใจที่ทรงตัวนี้ไว้ อย่าให้หลุดไปไหน เคยเปรียบไว้ว่าเหมือนเราเลี้ยงลูกแก้วไว้บนปลายเข็ม ระมัดระวังลูกแก้วไม่ให้หล่นไปแตกเสียก่อน ถ้าสามารถรักษากำลังใจให้อยู่กับเราได้นานเท่าไร สภาพจิตใจของเราก็จะมีความผ่องใสมากขึ้นเท่านั้น ปัญญาก็จะเกิดได้มากเท่านั้น ท้ายสุดก็จะเห็นช่องทางว่าจะปฏิบัติอย่างไรจึงจะเกิดความก้าวหน้าขึ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2010 เมื่อ 11:56
สมาชิก 64 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา