ส่วนนี้เป็นดิน ส่วนนี้เป็นน้ำ ส่วนนี้เป็นลม ส่วนนี้เป็นไฟ เมื่อแยกออกมาแล้วตัวตนของเราอยู่ที่ไหน ? เพราะหมดเกลี้ยง..ไม่มีอะไรเหลือเลย เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสภาพร่างกายนี้ จริง ๆ แล้วไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา เป็นเพียงธาตุ ๔ เป็นเพียงสมบัติของโลกที่เรายืมมาใช้ชั่วคราวเท่านั้น ถึงเวลาก็เสื่อมสลาย ตาย พังไปตายสภาพ ระหว่างที่ดำรงชีวิตอยู่ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีร่างกายที่เต็มไปด้วยความทุกข์เช่นนี้จะไม่มีสำหรับเราอีก ตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว
เมื่อพิจารณาถึงจุดสุดท้ายแล้วก็รวบกลับมา คือเราไม่ปรารถนาการเกิด เราปรารถนาพระนิพพานแห่งเดียว แล้วยกกำลังใจของเรา ให้นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่เรารักเราชอบ หรือว่ายกจิตขึ้นสู่พระนิพพานไปเลยก็ได้ ให้ตั้งใจว่าภาพพระพุทธรูปนี้เป็นพุทธนิมิต แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน เราเห็นท่านคือเราอยู่กับท่าน เราอยู่กับท่านคือเราอยู่บนพระนิพพาน เอาจิตจดจ่อแน่วแน่อยู่กับภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน ตั้งใจว่าถ้าเราตายลงไปเมื่อไร ขอมาอยู่กับพระองค์ท่านที่นี่แห่งเดียว
หลังจากนั้นก็ดูลมหายใจเข้าออกพร้อมกับคำภาวนาของเรา ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ก็กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ถ้ายังมีคำภาวนากำหนดรู้คำภาวนาไปด้วย ถ้าลมหายใจเบาลงหรือหายไป คำภาวนาหายไป ให้กำหนดรู้ไว้เฉย ๆ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้าและเถรี)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-03-2013 เมื่อ 03:12
|