ท่านทั้งหลายที่ทำกลอยไม่เป็น ในรุ่นปู่ย่าตายายก็คงจะเจอมาแบบเดียวกันนี้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ถ้าหากว่าจะกินกลอยเป็นอาหาร ก็ต้องมีอย่างน้อย ๓ - ๔ ตะกร้า ก็คือหมักเรียงกันไว้ นี่ตะกร้าแรก หมักเอาไว้วันนี้ ตะกร้าที่สอง หมักเอาไว้พรุ่งนี้ ไล่ไปเรื่อย ไม่เช่นนั้นแล้วกลอยก็จะคายน้ำเมาออกไปไม่ทันให้เรากิน
บุคคลที่มีประสบการณ์บอกว่า ให้สังเกตดู ถ้าเริ่มมีหอยไปไต่เกาะเนื้อกลอยในตะกร้า ก็แปลว่ากินได้แล้ว แต่ก็อย่างว่า เนื่องจากว่าขาดสารอาหาร กินลงไปแค่ถมท้องให้เต็มเท่านั้น ผู้ที่ต้องกินกลอยเป็นอาหาร จึงกลายเป็นบุคคลพุงโรก้นปอด
แต่ว่ารุ่นของกระผม/อาตมภาพไม่ได้อดอยากขนาดนั้น เคยเจอแต่ "ข้าวโอชา" ในยุคที่โตเป็นวัยรุ่นแล้ว ราว ๆ ประมาณปีพุทธศักราช ๒๕๒๐ ถึงเวลาก็ต้องมี "บัตรปันส่วน" ในการซื้อข้าว ต้องไปเข้าแถวซื้อ บ้านนี้มีกี่ปากกี่ท้องต้องไปแจ้งทางเขตเขา ซึ่งจะได้บัตรปันส่วนตามจำนวนคนในครอบครัว จะต้องดูตามทะเบียนบ้านว่า บ้านนี้สามารถซื้อข้าวได้ครั้งละกี่ลิตร เป็นข้าวสารผสมข้าวเหนียว ๓๐ เปอร์เซ็นต์ เวลาหุงแล้ว รสชาติก็เหมือนกับกินข้าวเหนียวนั่นเอง ทำให้อิ่มนานดี ทางรัฐบาลยุคนั้นเรียกว่า "ข้าวโอชา"
ดังนั้น..ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการอดน้ำอดข้าวอะไรก็ตาม กระผม/อาตมภาพล้วนแล้วแต่เผชิญมาโดยครบถ้วนแล้ว จึงค่อนข้างจะเป็นห่วงญาติโยมทั้งหลายที่ไม่ได้เตรียมการ เห็นว่าฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาลแล้วอาจจะประมาทได้
ภัยแล้งที่จะมาถึงและมานานกว่าที่เราคิด ประกอบกับในเรื่องของภาวะสงครามที่เกิดอยู่ บางทีเราทั้งหลายก็อาจจะเดือดร้อน เพราะว่าผลผลิตก็ไม่มี ผลกระทบจากต่างประเทศก็มาก สิ่งที่เราเคยกินเคยใช้ก็อาจจะหมดไป
เนื่องเพราะว่าถ้าแล้งนาน ๆ ก็ปลูกข้าวปลูกผักไม่ได้ ผลไม้ต่าง ๆ ก็อาจจะแกร็น ไม่มีดอกไม่มีผล พืชผักต่าง ๆ ที่เคยมีอยู่เต็มท้องตลาดก็อาจจะลดน้อยถอยลง เรื่องพวกนี้ปล่อยให้เป็นภาระของรัฐบาลเขาแก้ไขกันไปตามความสามารถ พวกเราทั้งหลายที่รู้ตัวล่วงหน้า ให้พยายามหาทางที่จะแก้ไขในครอบครัวของตนให้เต็มความสามารถก็แล้วกัน
ส่วนทางวัดท่าขนุนนั้นมั่นใจว่ารอดตัว เพราะว่ากระผม/อาตมภาพได้เตรียมแหล่งน้ำสำรองเอาไว้แล้ว ถ้าหากว่าใกล้ถึงระยะเวลานั้น ข้าวปลาอาหาร โดยเฉพาะข้าวสารอาหารแห้งที่เคยแจกให้กับสถานที่ต่าง ๆ ก็อาจจะต้องระงับเอาไว้ชั่วคราว เพื่อเลี้ยงพวกเรากันเองไปก่อน
เรื่องพวกนี้พูดไปก็เป็นการฟุ้งซ่านล่วงหน้า แต่ถ้าท่านทั้งหลายรู้ว่าฤดูแล้งที่จะมาถึงนั้นยาวนานกว่าที่คิด ก็จะได้เตรียมตัวเตรียมใจกันแต่เนิ่น ๆ บุคคลที่มีความเตรียมพร้อมโดยไม่ประมาท ตามหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมประสบความเดือดร้อนน้อยกว่าคนอื่น ๆ
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-07-2023 เมื่อ 02:10
|