ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 05-11-2009, 16:00
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,886 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๓) ท่านคิดอยู่เสมอ ๆ ว่า ไม่ช้าไม่นานร่างกายของคนด่าก็ตาย คนถูกด่าก็ตาย แต่คนที่ด่านั้นมีความโกรธท่วมอยู่ในจิตเต็มกำลัง พอร่างกายตายไปแล้ว เชื้อความโกรธจักนำเขาเหล่านั้นตกลงไปสู่อบายภูมิ ๔ อย่างมิต้องสงสัย แต่คนถูกด่าทำใจได้เยี่ยงพระ พระอรหันต์ท่านก็จบกิจไปพระนิพพานได้ทุกราย เพราะฉะนั้น ขอให้พวกเจ้าจงคิดพิจารณาถึงคำนินทาและสรรเสริญว่าเป็นเพราะเราโง่ที่หลงติดในร่างกาย คิดว่าเป็นเราเป็นของเรา อวิชชามันบังหน้าบังตาจึงทำให้หลงผิดคิดว่า การมีร่างกายนั้นเป็นของดี เมื่อเกิดมาแล้วอย่างโง่ ๆ ก็ต้องตกเป็นเหยื่อของโลกธรรม ๘ อันมีสรรเสริญและนินทาเป็นต้น กรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ เหตุเกิดเพราะความปรารถนาในภพชาติมิมีที่สิ้นสุด เหตุเกิดเพราะชาติใดที่เกิดแล้ว การจักไม่ทำกรรมดี เลว ทำเหตุให้เกิดกรรมแห่งโลกธรรม ๘ นั้นไม่มีเลย จากการเกิดนับครั้งอสงไขยกัปนับไม่ถ้วน ผลมันจึงตามตอบสนองตามกรรมเพราะมีร่างกายดังกล่าวมาแล้ว”

๔) “การมุ่งหวังจักไปพระนิพพานมีจุดหนึ่ง คือ รู้จิตว่านั่นคือตัวตนของเราแท้ ๆ รู้เวทนาของจิต คือ รู้จริตหรือรู้อารมณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อมีธรรมารมณ์มากระทบทุก ๆ ครั้ง การดัดจิตก็คือ รู้ระงับอารมณ์ที่เป็นจริตทั้ง ๖ อย่าง ด้วยพระกรรมฐานแก้จริตอันศึกษากันมาแล้ว”

๕) “อีกจุดหนึ่ง คือ รู้กายว่านั่นคือเปลือกแห่งกิเลส ตัณหา อุปาทาน และอกุศลกรรม ที่เราสร้างขึ้นมาอย่างผิด ๆ แล้วยังยึดติดว่า ร่างกายอันประกอบด้วยธาตุ ๔ เป็นอาการ ๓๒ นี้ว่าเป็นเรา เป็นของเรา การศึกษาร่างกายก็เพื่อให้รู้เท่าทันสภาพของร่างกายว่า จักยึดอะไรในร่างกายนี้มาเป็นเรานั้นไม่ได้เลย”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 05-11-2009 เมื่อ 17:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา