เราลองมาทรมานตัวเองกันสักรอบหนึ่ง สร้างเสริมกำลังใจเพื่อเอาชนะไอโฟนให้ได้ ลองไม่ใช้ดูสิ จะมีความสุขมากเลย สมัยที่ทำหน้าที่เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดอยู่ อาตมาก็ซื้อรถเบนซ์ ๑ คันถวายหลวงพ่อพระเทพเมธากร เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ต้องคอยดูแลรถให้ท่านด้วย กลับเข้ามาวัดจะค่ำมืดดึกดื่นแค่ไหน ก็ต้องมาตรวจสอบน้ำ น้ำมัน น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำมันเกียร์ น้ำมันคลัซ เช็ดถูทำความสะอาดรถเรียบร้อย พร้อมที่จะเดินทางต่อแล้วถึงได้นอน
ทำไปทำมาเกิดความรู้สึกว่า “ตกลงว่าเราเป็นเจ้าของรถหรือว่ารถเป็นเจ้าของเรา ?” ท้ายสุดก็สรุปได้ว่า ถ้าเรามีอะไรก็ตาม สิ่งนั้นจะเป็นเจ้าของเรา แบบเดียวกับแมว แมวอยู่ที่ไหนก็ถือว่าแมวเป็นเจ้าของ เพราะฉะนั้น..คนเลี้ยงแมวจึงเป็นสมบัติของแมวด้วย ถึงเวลาต้องหามาให้แมวกิน แมวกับหมาคิดคนละอย่างกัน หมาจะคิดว่าคนเป็นจ่าฝูง เป็นผู้นำ แต่แมวเห็นเจ้าของเป็นบริวารรับใช้
เรื่องข้าวของต่าง ๆ เมื่อมีเข้ามา เราก็ต้องคอยดูแล เสร็จแล้วก็ใช้สอยแบบเพลิดเพลิน ถึงเวลาก็ขาดไม่ได้ ลองปิดโทรศัพท์ทิ้งสัก ๓ วัน มีใครตัดใจได้บ้างไหม ? จะต้องมีข้ออ้างสารพัด ท้ายสุดก็ต้องเปิด แปลว่าเราตกเป็นทาสของเทคโนโลยีแบบโงหัวไม่ขึ้น..!
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ขึ้นอยู่กับกำลังใจของเรา ว่าเราคิดจะสลัดหลุดพ้นจริงไหม ? ตรงนี้แหละจะเกิด “ความอาลัย” ที่แปลว่าตัดไม่ขาด เกิดความห่วงหาอาลัย ตัดไม่ขาด ไม่อาจจะตัดใจได้ ดังนั้น..ถ้ากำลังของเราไม่สูงพอ จะตัดอะไรไม่ได้สักอย่าง ถ้ากำลังของเราสูงพอก็ตัดได้ทุกอย่างเหมือนกัน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ตัวเล็ก : 24-09-2014 เมื่อ 22:28
|