พระอาจารย์เล่าเรื่อง "วังหน้า" ให้ฟังว่า "วังหน้าของเราหมดตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ แล้ว การแต่งตั้งวังหน้าและวังหลังอยู่ในลักษณะของการระมัดระวังป้องกันวังหลวงนั่นเอง จะต้องแต่งตั้งบุคคลที่ไว้วางใจได้ให้ไปทำหน้าที่นั้น ๆ แต่มักจะมีปัญหาก็คือ พออยู่ไปแล้ว ลูกน้องยกยอปอปั้นไปเรื่อย ก็มักจะคิดว่าท่านควรจะได้เป็นวังหลวงมากกว่า
ท่านที่มีสติสัมปชัญญะ รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ก็เฉย ๆ แต่บังเอิญว่า อันเสาหินแปดศอกตอกเป็นหลัก พอคนผลักบ่อยเข้าเสายังไหว เมื่อเป็นดังนั้น..ก็มีหลายท่านที่ก่อการกบฏขึ้นมา
อีกส่วนหนึ่งก็คือ ท่านไม่ได้คิดจะก่อการกบฏ แต่ผู้ไม่หวังดีไปเพ็ดทูลอยู่เนือง ๆ คำว่า "เพ็ดทูล" สมัยนี้หนังสือลงเป็น "เท็จทูล" กันหมด ทุเรศจริง ๆ ไม่รู้รากศัพท์แล้วยังเสือกทะลึ่งเขียน..!
ในเมื่อเพ็ดทูลเข้าหูผู้ใหญ่ ครั้งแรกก็ไม่เป็นไร ครั้งที่สองก็ไม่เป็นไร พอนานไปก็เริ่มระแวง เราต้องดูตัวอย่างสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เมื่อมีคำสั่งจากสมเด็จพระเจ้าตากสินให้เข้าเฝ้าทั้งอาวุธ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกถอดอาวุธวางไว้หน้าห้อง พอมีรับสั่งว่าให้เอาอาวุธเข้ามาได้ ท่านกระทุ้งออกนอกห้องพ้นสายตาไปเลย แสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้คิดร้ายอย่างแน่นอน"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2011 เมื่อ 10:42
|