ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 04-09-2019, 19:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,034 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้การที่เราจะมีปัญญาขนาดนั้นได้ ก็ต้องมีสติ สมาธิที่แหลมคม ว่องไว ระลึกได้ รู้ตัวอยู่เสมอ คอยตักเตือนตัวเองอยู่เสมอ ๆ ดังที่บาลีว่า อัตตนา โจทยัตตานัง ให้กล่าวโทษโจทย์ตนเองไว้เสมอ หรือจะพิจารณาว่า กาย วาจา ใจ ที่ดีกว่านี้ยังมีอยู่ เราต้องทำกาย วาจา ใจ เหล่านั้นให้ได้ ไม่เช่นนั้นแล้วเราก็ไม่แคล้วที่จะไปพระนิพพานไม่ได้ เพราะว่าการที่จะไปพระนิพพานได้นั้น เราต้องไม่ยึด ไม่เกาะทั้งส่วนที่ดีและส่วนที่ชั่ว

บุคคลที่ทำถึงระดับนั้น กำลังใจของตนจะไม่ตำหนิใครแล้ว ก้าวพ้นความดีความชั่วไปแล้ว เพียงแต่เห็นว่าบุคคลที่ทำความชั่วก็คือ ตกอยู่ในกระแสสีดำที่พาไหลลงต่ำ บุคคลที่ทำความดีตกอยู่ในกระแสสีขาว พาไหลขึ้นสูง แต่ว่าไม่ว่าจะฝ่ายดีหรือฝ่ายชั่ว ฝ่ายไหลลงต่ำหรือฝ่ายไหลขึ้นสูง ฝ่ายดำหรือว่าฝ่ายขาวก็ตาม เราก็ยังติดอยู่ในกระแสนั้น ไปไหนไม่ได้ จนกว่าเราจะข้ามกระแสขึ้นสู่ฝั่งได้ ก็คือไม่เอาทั้งดีและชั่ว

สรุปง่าย ๆ ว่า รู้ว่าดีก็ทำ เพราะสิ่งทั้งหลายเหล่านี้คนเรายึดถือว่าเป็นความดี รู้ว่าชั่วก็ละ เพราะสิ่งทั้งหลายเหล่านี้คนประณามหยามเหยียดว่าเป็นความชั่ว แต่เราไม่เกาะทั้งดีทั้งชั่ว เพราะว่าการที่เราจะไปยังเป้าหมายที่ใดที่หนึ่ง ไม่ว่าเราจะเกาะฝั่งดีหรือเกาะฝั่งชั่ว เราก็ติดอยู่ตรงจุดที่เกาะ ไปไหนไม่ได้ เราจึงต้องปล่อย

แต่ว่าหลายท่านก็ไปติดการปล่อยอีก โดยบางทีก็ไปตำหนิคนอื่นว่าคุณยังยึดอยู่ คุณยังเกาะอยู่ คุณยังปล่อยไม่ได้ แต่ตัวเราเองนั่นแหละ ไปติดอยู่ตรงที่ต้องปล่อย ก็แปลว่าเราไปแบกตัวปล่อยอยู่เต็ม ๆ โดยที่ตัวเราก็ไม่รู้

บุคคลที่จะไปพระนิพพานได้นั้น รู้ว่าดีก็ทำ รู้ว่าชั่วก็ละ ไม่เกาะทั้งดีทั้งชั่ว มีกาย วาจา ใจ ที่ไม่ตำหนิใคร ถ้าไม่ใช่บุคคลที่พึงสอนได้ จำต้องใช้อุบายแล้ว ก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร ในเมื่อปล่อยวางทั้งดีทั้งชั่ว จึงสามารถที่จะหลุดพ้นเข้าพระนิพพานได้

ฉะนั้น...พวกเราจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องฝึกฝน สติ สมาธิ ปัญญา ของเราให้แกล้วกล้า แหลมคม ว่องไวกว่านี้ ให้เห็นโทษของตนเองอยู่เสมอ ไม่ยึดเกาะทั้งร่างกายนี้ ไม่ยึดเกาะทั้งโลกนี้ ถ้าเป็นเช่นนั้น เราก็ไม่ยึดถืออะไร ๆ ทั้งหมด ดังที่บาลีกล่าวไว้ในมหาสติปัฏฐานสูตรว่า นะ จะ กิญจิ โลเก อุปาทิยะติ เราไม่ยึดอะไร ๆ แม้แต่น้อยหนึ่งในโลกนี้ ถ้าเป็นเช่นนั้นท่านถึงจะสามารถหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพานได้

ลำดับต่อไปก็ขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย น้องผักชี)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-09-2019 เมื่อ 18:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา