ดูแบบคำตอบเดียว
  #25  
เก่า 06-09-2012, 20:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,592
ได้ให้อนุโมทนา: 151,767
ได้รับอนุโมทนา 4,411,782 ครั้ง ใน 34,182 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเคยบอกว่า นักปฏิบัติพอทำไปถึงระดับหนึ่งต้องการอะไรก็จะเป็นอย่างนั้น จึงต้องควบคุมตัวเอง ระวังไม่ให้รัก โลภ โกรธ หลงเกิด ไม่อย่างนั้นแล้วความต้องการของเราจะไปเรื่อยเปื่อย บางท่านจึงหลงทางเพราะไปคิดว่าตัวเองดีแล้ว ขณะเดียวกันก็เป็นการทดสอบว่า ปัญญาของเรามีพอหรือไม่เมื่อเกิดเหตุอย่างนี้ขึ้นมา ?

ยิ่งปฏิบัติไป สติสัมปชัญญะต้องยิ่งมากขึ้น ไม่อย่างนั้นแล้วจะเผลอ แล้วจะเสียท่ากิเลส โดนเขาหลอกให้คิดว่าเราดีแล้ว ถ้าคิดว่าตัวเองดีเมื่อไรจะไม่แสวงหาความก้าวหน้า แล้วก็จะติดอยู่อย่างนั้น อย่างนี้เรียกว่าติดดี

พระสูตรแรกในสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ก็คือพรหมชาลสูตร พรหมชาละ แปลว่า ตาข่ายดักพรหม สรุปง่าย ๆ ว่าติดอยู่แค่พรหม เพราะฉะนั้น..โยคีต่าง ๆ ที่เขาไม่สามารถจะล่วงพ้นไปได้ ถ้าไม่ติดที่รูปพรหมก็จะไปติดที่อรูปพรหม ก็เพราะไปคิดว่านั่นดีแล้ว แต่พระพุทธเจ้าของเราเห็นว่านั่นยังไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ จึงทรงแสวงหาทางที่ดีกว่านั้น แล้วพระองค์ท่านก็เจอทาง ในขณะที่ผู้อื่นไม่แสวงหาเลยจึงไม่เจอ หรือถ้าแสวงหา แต่ว่าสั่งสมบุญบารมีมาไม่สมบูรณ์ก็ไม่เจอเหมือนกัน หรือถึงรู้ว่ามีทางแต่ก็ไปไม่ถึง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2012 เมื่อ 03:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา