พระอาจารย์ดุลูกศิษย์เรื่องการเปิดปิดเครื่องปรับอากาศ จากนั้นท่านก็กล่าวว่า "สมัยที่อาตมายังอยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุง เป็นที่น่าเสียดายว่าพี่ ๆ น้อง ๆ ส่วนหนึ่งยังขาดจิตสำนึก พอถึงวันพระหลวงพ่อท่านลงโบสถ์ ถ้ามีเรื่องอะไรไม่ดีไม่งาม ท่านก็จะว่ากล่าวกันตอนนั้น แทนที่ทุกคนจะรับฟังแล้วนำไปแก้ไข กลับกลายเป็นว่าพอออกจากโบสถ์มาแล้ว ส่วนหนึ่งไปเที่ยวถามว่า "วันนี้ใครโดนวะ ?" ถ้าลักษณะอย่างนั้น ชาตินี้ทั้งชาติจะไม่มีโอกาสพัฒนาตัวเองเลย แทนที่จะคิดว่าคนที่โดนคือเรา ต่อไปเราจะไม่ทำแบบนั้นอีก กลับไปเที่ยวหาว่าวันนี้ใครโดนกันแน่
มาจนถึงสมัยนี้แล้วก็ยังมาในแนวเดียวกัน จำได้ว่าเรื่องเปิดเครื่องปรับอากาศนี่ อาตมาด่าไป ๒ รอบแล้ว แต่ก็ยังคงทำผิดอยู่เหมือนเดิม มีครูบาอาจารย์คอยบอกกล่าว คอยด่าว่า คอยจ้ำจี้จ้ำไชอยู่ ถือว่าเป็นเรื่องโชคดี ถ้าวันไหนสิ้นครูบาอาจารย์ไปแล้ว ใครจะมาคอยบอกคอยกล่าว ต้องรีบศึกษาและพัฒนาตัวเองให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่เป็นภาระกับท่านให้มากที่สุด
หลวงพ่อท่านมรณภาพ อาตมาเพิ่งจะ ๗ พรรษาเต็ม แต่ปรากฏว่าต้องเป็นหลักของวัด จนกระทั่งพระผู้ใหญ่ที่ไปงานศพ ส่วนใหญ่จะถามว่า "ท่านเป็นเจ้าอาวาสรูปต่อไปหรือ ? ท่านเป็นรักษาการณ์เจ้าอาวาสหรือ ?" ได้แต่กราบเรียนท่านว่า "ผมยังเป็นพระใหม่อยู่ครับ"
เพียงแต่ว่าตลอดระยะเวลาที่อยู่กับหลวงพ่อ อาตมาไขว่คว้าทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความรู้ทางโลกหรือทางธรรม เพราะไม่เคยประมาท ไม่เคยคิดว่าหลวงพ่อท่านจะอยู่เกินวันนี้ สภาพสังขารของท่านย่ำแย่ แสดงอาการปรากฏให้เห็นอยู่บ่อย ๆ ถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็คือตายแล้วตายอีก แต่ปรากฏว่าคนส่วนหนึ่งก็ยังคงสบายใจ ถึงเวลาเกิดเหตุใหญ่ขึ้นมา จึงไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะรับเหตุการณ์ได้"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-03-2017 เมื่อ 02:17
|