๔. การตรัสสอนพระธรรม จบลงในปี พ.ศ. ๒๕๓๙ เป็นการจบตามสมมุติทางโลก แต่ไม่จบตามสมมุติทางธรรม หากยังตัดสังโยชน์ ๑๐ ไม่หมด หรือตัดอุปาทานขันธ์ ๕ ยังไม่หมด หมายความว่าอารมณ์ยึดขันธ์ ๕ ว่าเป็นเรา เป็นของเรายังอยู่ คิดว่าเป็นตัวกูของกู หรือยังไม่หมดสักกายทิฏฐิ ไม่หมดมานะกิเลส ดังนั้น ผู้ฉลาดมีปัญญา เขารู้ว่าขันธ์ ๕ นี้ แม้ไม่ยึด ตัดใดตัวหนึ่งใน ๕ ขันธ์นี้ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็สามารถจบกิจในพุทธศาสนาได้
๕. ขันธมารจักเล่นงานหนักในเวลานี้ ด้วยเหตุมุ่งจักทำเพื่อให้พ้นไปเสียจากขันธ์ ๕ กล่าวคือปรารถนาพระนิพพานเป็นที่ไป จึงเป็นเหตุให้ขันธมารและกิเลสมาร มุ่งเข้ามาเล่นงานผู้ปรารถนาจักไปพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้อย่างหนัก เพราะฉะนั้น ขอให้เตรียมตัวเตรียมใจยอมรับสภาพกฎของกรรมในรูปแบบต่าง ๆ ที่เข้ามาเล่นงานอย่างมีสติ – สัมปชัญญะ อย่าดื้อดึงกระทำตัวเหมือนคนพายเรือทวนน้ำ เพราะนั่นจักทำให้เหนื่อย เรือจักล่มอับปางเสียก่อนเปล่า ๆ ในเมื่อกฎของกรรมเข้ามาแรง ก็ไม่ต่างกับเกลียวคลื่นที่ถาโถมเข้ามา ทางที่พึงประคองตัวให้ไปตามน้ำคือ เสมือนหนึ่งกัปตันคอยประคองเรือไปตามเกลียวคลื่น ไม่ให้เรือล่ม ไม่ให้อับปางเป็นพอ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2013 เมื่อ 11:29
|