"เห็นจิตในจิต สภาพจิตของเราตอนนี้เป็นอย่างไร ? มีรัก มีโลภ มีโกรธ มีหลงอย่างไรเกิดขึ้น ตามดูตามรู้แล้วอย่าปรุงแต่งต่อ คำว่าปรุงแต่งที่เรียกว่า จิตสังขาร ก็คือไปคิดเพิ่มเติม (หยิบเครื่องบันทึกเสียงขึ้นมา) อันนี้เป็นเครื่องบันทึกเสียง ถ้าสักแต่ว่าเห็นก็เป็นเครื่องบันทึกเสียง แต่ถ้าไปคิดต่อว่า เดี๋ยวไปอัดเสียงเจสซี่ เจ มา covers เพลงแข่งกันดีกว่า นี่เริ่มโลภแล้ว..ใช่ไหม ?
ไอ้เจ้านั่นทำให้เราไม่ชอบขี้หน้า เดี๋ยวโทรศัพท์หลอกให้หาเรื่องให้ด่ามา แล้วเราอัดเสียงเอาไว้ ไปแจ้งความว่าหมิ่นประมาทดีกว่า การคิดเบียดเบียนเขาเป็นส่วนของความโกรธ โทสะก็มาแล้ว สาวคนนั้นเสียงเพราะมากเลย เดี๋ยวชวนคุยแล้วแอบอัดเสียงไว้ดีกว่า เดี๋ยวคืนนี้ได้นอนฟังมีความสุข อันนี้เป็นราคะอีกแล้ว เครื่องมืออะไรก็ตาม..ชิ้นเดียว ถ้าเราคิดเมื่อไร ปรุงแต่งเมื่อไร จะเป็นราคะ โทสะ โมหะทันที คิดได้ทุกเรื่อง ทำอย่างไรที่เราหยุดให้ทัน
ส่วนในเรื่องของธรรมในธรรม ก็คือ บรรดาสภาวธรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในใจของเรา อย่างหยาบ ๆ ที่สุดก็คือนิวรณ์ ๕ อย่าง กามฉันทะ ความพอใจในรูปสวย เสียงเพราะ รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศ อย่าให้เกิดขึ้นขณะปฏิบัติธรรม ไม่อย่างนั้นแล้วเราจะถอยหลังเพราะกิเลสนำหน้าแล้ว พยาบาท อาฆาต โกรธ เกลียดคนอื่นเขา อย่าให้มีเกิดขึ้น ง่วงเหงาหาวนอน ชวนให้ขี้เกียจปฏิบัติอย่าให้มีเกิดขึ้น ลังเลสงสัยในคุณพระรัตนตรัย ว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ดีจริงหรือเปล่า ? สิ่งที่เราปฏิบัตินี้จะมีผลจริงไหม ? อย่าให้มีเกิดขึ้น
ท้ายที่สุด ก็คือ ความหงุดหงิดฟุ้งซ่านรำคาญใจ เดินอยู่ที่นี่แท้ ๆ ไปนึกถึงบ้าน ไปนึกถึงร้านค้าว่าวันนี้ไม่ได้เปิดร้าน ต้องรีบกลับไปเปิด วันนี้หยุดมาปฏิบัติธรรมเสียรายได้ไปเยอะเลย ถูกกิเลสลากให้ปรุงแต่งไปเรื่อย"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-09-2015 เมื่อ 17:26
|