พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมหลายคนเริ่มจะใกล้เคียงกับที่อาตมาเคยทำสมัยโน้น ถามว่าสมัยโน้นคือสมัยไหน ? สมัยก่อนอายุ ๒๐ ปี สมัยนั้นหลวงพ่อวัดท่าซุงมารับสังฆทานที่บ้านสายลม พี่ชายก็ไปทำบุญทุกต้นเดือน พอพี่ชายชวนทำบุญ อาตมาก็ฝากเงินไปทำบุญเดือนละ ๑๐ บาท ถามว่า ๑๐ บาทตอนนั้นมีราคาแค่ไหน ? สมัยนั้นกล้วยหอมลูกละ ๕๐ สตางค์ เดี๋ยวนี้อยู่ในร้านสะดวกซื้อลูกละ ๘ บาท..!
ทำอย่างนั้นอยู่เป็นปี ๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดสงสัยว่า หลวงพ่อท่านมีอะไรดี ถึงต้องไปทำบุญอยู่ทุกเดือน ? ต้องไปดูเสียหน่อย ปรากฏว่าไปแล้วไม่หน่อย หลังจากนั้นก็ไปทุกเดือน แล้วเป็นคนชอบไปไหนแต่เช้า ออกไปถึงบ้านสายลม ไปนั่งรอ พอ ๘ โมงครึ่ง หลวงพ่อท่านก็ลงมารับสังฆทาน พอท่านลงมาก็ไปเข้าคิวถวายกับท่าน ถวายเสร็จก็กลับ เป็นอย่างนั้นอยู่เป็นปี ๆ
จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่งเกิดสงสัยว่า แล้วตอนบ่ายเขาทำอะไรกัน ? ด้วยความสงสัยก็เลยอยู่ดูต่อไป ก็ปรากฏว่าช่วงบ่ายโมงมีการฝึกมโนมยิทธิ จึงเข้าร่วมการฝึกกับเขา ด้วยความที่ซื่อมากตามประสาเด็กบ้านนอก ไม่ได้เตรียมอะไรไปเลย บรรดาพี่ป้าน้าอาเตรียมเครื่องบูชาครูให้ ดอกไม้สามสี สีละ ๑ ดอก ธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่ม และเขาบอกว่าเงิน ๑ สลึงเป็นทานบารมี เธอต้องออกเอง ด้วยความซื่อมาก จึงวิ่งไปยังปากซอยเพื่อแลกเหรียญสลึงมา ไม่รู้ว่าใส่เกินก็ได้
ฝึกมโนมยิทธิครั้งแรกก็ได้เลย พี่ชายไปอยู่ตั้งหลายปีฝึกไม่ได้สักที ด้วยความรู้สึกเดียวกับอาตมาในระยะแรก ๆ คือต้องตาเห็นเท่านั้น"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-08-2018 เมื่อ 02:59
|