ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 10-08-2013, 19:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,175 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าต้องการจะหลีกหนีสิ่งเหล่านี้ พวกเราก็ต้องมาทบทวนศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ถ้าถามว่าต้องสมาทานศีลกับพระก่อนหรือไม่ ? ขอบอกว่าไม่จำเป็น การสมาทานเป็นการให้เราสอบถามจากพระว่าศีลมีอะไรบ้าง เมื่อพระให้ศีลมา เราก็รู้ว่ามีการห้ามฆ่าสัตว์ ห้ามลักทรัพย์ ห้ามประพฤติผิดในกาม ห้ามโกหกมดเท็จ ห้ามดื่มสุรา เป็นต้น

ในเมื่อเรารู้อยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปสมาทานศีล ให้เราตั้งกำลังใจว่าศีลทุกสิกขาบทของเราจะบริสุทธิ์บริบูรณ์ตั้งแต่บัดนี้ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาระมัดระวังรักษา ถ้ามีการเผลอสติผิดพลาดไป ก็ให้ตั้งใจใหม่ว่าตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เราจะเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ แล้วก็พยายามรักษาประคับประคองสิกขาบทเอาไว้ จนกระทั่งอยู่ในลักษณะที่ว่าเราไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล และไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล

เมื่อเป็นดังนี้..ด้วยความที่เราต้องใช้สติสัมปชัญญะ จดจ่อระมัดระวังไม่ให้ศีลบกพร่อง ตัวสมาธิก็จะค่อย ๆ ก่อเกิดขึ้น ถ้าเรายิ่งใช้การภาวนาจับลมหายใจเข้าออกเสริมไปด้วย ก็ยิ่งสามารถก้าวขึ้นสู่ความเป็นอัปปนาสมาธิ คือสมาธิขั้นแนบแน่นตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไปได้โดยไม่ยาก

เมื่อสมาธิของเราทรงตัว ความผ่องใสของสภาพจิตมีมาก เพราะว่ารัก โลภ โกรธ หลง โดนอำนาจของสมาธิกดดับลงชั่วคราว เราก็จะมีปัญญารู้ว่า ต้องประคับประคองอย่างไร ศีลของเราถึงจะบริสุทธิ์บริบูรณ์ ต้องคอยระมัดระวังอย่างไร สมาธิของเราจึงจะทรงตัวไม่เสื่อมสลาย

และท้ายที่สุดก็ให้หันมาพิจารณาให้เห็นว่า สภาพร่างกายนี้เต็มไปด้วยความเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นปกติ มีความตายเป็นของธรรมดา ถ้าเสื่อมสลายตายพังลงไปตามอายุขัยก็ดี หรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ ก็ตาม ถ้าเสียชีวิตลง เราขอไปอยู่ที่พระนิพพานแห่งเดียว

แล้วให้ทุกท่านเอากำลังใจเกาะพระนิพพานหรือเกาะภาพพระเอาไว้ ใช้คำภาวนาตามที่เราถนัดมาแต่เดิม ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ ให้ดูลมหายใจคู่กับคำภาวนา ถ้าไม่มีลมหายใจ ไม่มีคำภาวนา ก็เอาจิตจดจ่อแน่วนิ่งอยู่กับพระนิพพานหรือภาพพระของเรา ให้ทำดังนี้ไปจนกว่าได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๖

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยเถรีและคะน้าอ่อน)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-08-2013 เมื่อ 19:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา