กำหนดลมหายใจพร้อมกับภาพพระและคำภาวนาที่เราถนัดดังนี้ ถ้าเผลอสติคิดถึงเรื่องอื่น ให้ดึงกลับมาที่ลมหายใจเข้าออกใหม่ ถ้ารู้สึกว่ากำลังใจของเราเต็มที่แล้ว ก็ให้กำหนดใจแผ่เมตตาไปสู่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกภพทุกภูมิ ทุกหมู่ทุกเหล่า ว่าเราไม่เป็นศัตรูกับใคร เรายินดีเป็นมิตรกับคนและสัตว์ทั่วโลก
การแผ่เมตตานั้น จะกำหนดเป็นกระแสแผ่ออกไป ดังที่เคยแนะนำมาหลายครั้งก็ได้ หรือจะกำหนดนึกด้วยความเต็มอกเต็มใจ ด้วยความตั้งใจว่าเราไม่เป็นศัตรูกับใคร เราเป็นมิตรกับคนและสัตว์ทั่วโลกก็ได้ เมื่อกำหนดแผ่เมตตาไประยะหนึ่ง ใช้กำลังสมาธิของเราไปมาก กำลังใจก็จะวิ่งกลับเข้ามาหาการภาวนา เราก็จับลมหายใจพร้อมกับภาพพระและการภาวนาของเรา
พออารมณ์ใจทรงตัวตั้งมั่นแล้ว ก็หันมาพิจารณาร่างกายนี้ให้เห็นชัด ๆ ว่า ร่างกายนี้มีความไม่เที่ยงเป็นปกติ เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงแปรปรวนไปในท่ามกลาง และสลายตัวไปในที่สุด มีความทุกข์เป็นปกติ ไม่ว่าจะทุกข์ของการเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย การพลัดพรากจากของรักของชอบใจ การปรารถนาไม่สมหวัง การกระทบกระทั่งอารมณ์ที่ไม่ชอบใจ เป็นต้น
และท้ายสุดร่างกายนี้ก็ไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเรา ไม่สามารถยึดถือมั่นหมายได้ เพราะว่าประกอบขึ้นจากธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ให้เราอาศัยอยู่แค่ชั่วคราวเท่านั้น ถึงเวลาก็เสื่อมสลายตายพังไปตามเหตุตามปัจจัย เราเองก็ตั้งเป้าไว้ว่า ถ้าหากร่างกายนี้เสื่อมสลายตายพังลงไปเมื่อไร เราต้องการที่จะไปพระนิพพานแห่งเดียว แล้วเอาใจจดจ่ออยู่กับภาพพระและการภาวนาของเราอีก ทำสลับไปสลับมาอย่างนี้ งานของเราก็จะมีไม่มาก และมุ่งตรงต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน
ถ้ากำลังใจของเราสามารถปลดวางร่างกายนี้ได้ ปลดวางความปรารถนาการเกิดได้ เราก็จะไปพระนิพพานได้อย่างแท้จริง ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2015 เมื่อ 15:58
|