ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 19-06-2015, 13:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,909 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ทำไมเราถึงต้องอยู่กับปัจจุบัน ? เพราะว่าอดีตผ่านไปแล้ว เรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ ถ้าเปรียบเป็นรถยนต์ รถไฟ ก็เป็นรถที่ออกจากท่า ออกจากสถานีไปนานแล้ว เราไม่สามารถที่จะขึ้นได้ ในส่วนของอนาคตนั้น ถึงฟุ้งซ่านไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะเหมือนกับรถที่ยังมาไม่ถึงสถานี เรายังไม่สามารถที่จะอาศัยไปสู่จุดหมายปลายทางได้ ก็มีแต่ต้องขึ้นรถคันที่อยู่ตรงหน้าของเรา ก็คือเดี๋ยวนี้ ตอนนี้เท่านั้น ก็แปลว่าท่านทั้งหลายถ้าสามารถอยู่กับลมหายใจเข้าออกได้ ความทุกข์ก็หมดไปแล้วเกินครึ่ง เหตุที่ความทุกข์หมดไปแล้วเกินครึ่ง เพราะว่าเราหยุดการคิด หยุดการปรุงแต่งลงได้

เมื่อไม่ไปคิด ไม่ไปปรุงแต่ง ไม่ไปฟุ้งซ่าน เราก็ไม่ทุกข์ยากเร่าร้อน เหลือเพียงสภาวทุกข์ที่เกิดกับร่างกายนี้เท่านั้น ในเมื่อเราเห็นทุกข์ชัดอย่างนั้น เราก็จะถอนความพอใจในร่างกายของตนเองออกมาได้ ในเมื่อไม่พอใจในร่างกายของตนเอง ก็ย่อมไม่พอใจในร่างกายของคนอื่นด้วย เมื่อเราไม่พอใจทั้งร่างกายตนเองและร่างกายคนอื่น เราก็ไม่พอใจในการที่จะมาเกิดในโลกนี้ด้วย ถ้าอยู่ในสภาพอย่างนี้ ย่อมไม่มีสิ่งใดที่จะมาฉุด มารั้ง มาดึง ให้เราต้องมาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารนี้อีก เราก็สามารถที่จะล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

ดังนั้น การที่ให้ท่านทั้งหลายเน้นในเรื่องสมาธิภาวนา ก็เพื่อให้เกิดอัปปนาสมาธิ มีกำลังเพียงพอที่จะต่อสู้และตัดละกิเลสต่าง ๆ ได้ แต่ว่าหลายท่านยังขาดความคล่องตัว เมื่อถึงเวลาสมาธิทรงตัวเต็มที่แล้ว กำลังใจก็จะคลายออกมาเอง ถึงตอนนั้นเราต้องรีบหาวิปัสสนาญาณให้สภาพจิตมีงานคิด มีงานทำ ไม่อย่างนั้นสภาพจิตก็จะเอากำลังที่เรานั่งสมาธิได้ไปฟุ้งซ่าน ซึ่งจะฟุ้งได้รุนแรงมาก เพราะว่ามีกำลัง มีความเข้มแข็งจากสมาธิภาวนาของเรานั่นเอง

ในการที่ท่านจะพิจารณาวิปัสสนาญาณนั้น ก็ดูได้ทั้งอริยสัจ ก็คือมองทุกข์ให้เห็น หาทุกข์ให้เจอ ละเว้นการกระทำที่เป็นต้นเหตุแห่งทุกข์นั้น ความทุกข์ก็ไม่เกิด หรือว่าดูในลักษณะของสามัญลักษณะหรือไตรลักษณ์ คือสภาพที่คนและสัตว์ทั้งหมดจะต้องพบ จะต้องเห็น จะต้องเป็น ได้แก่ อนิจจัง คือ ความไม่เที่ยง เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงไปในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด ทุกขัง ความเป็นทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นคน เป็นสัตว์ เป็นวัตถุธาตุ เป็นสิ่งของ ก็ต้องทนอยู่กับสภาพความเสื่อมสลายนี้ อนัตตา ความไม่สามารถจะยึดถือเป็นตัวตนเราเขาได้ เพราะไม่ว่าจะร่างกายของเรา ร่างกายของคนอื่น ตลอดจนวัตถุธาตุ สิ่งของ บ้าน เรือน โรง และโลกนี้ก็ตาม ก็ล้วนแล้วแต่เป็นธาตุ ๔ ดิน น้ำ ไฟ ลม ประกอบขึ้นมาเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น

ถ้าเราสามารถดูในลักษณะอย่างนี้ได้ จิตเราก็จะถอนจากความยินดี ความพอใจในร่างกายนี้ ความพอใจในร่างกายคนอื่น ความพอใจในโลกนี้ ในเมื่อเราไม่มีความปรารถนาในสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เราย่อมสามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์ไปสู่พระนิพพานได้

ลำดับต่อไป ให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๘

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้าอ่อน)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2015 เมื่อ 14:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา